SEO คืออะไร มีวิธีทำอย่างไรบ้าง? รวมสิ่งที่คนทำเว็บไซต์ควรรู้ได้ที่นี่

SEO คืออะไร มีวิธีทำอย่างไรบ้าง

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นคำที่ได้ยินกันบ่อยมากในวงการ Digital Marketing เนื่องจากเป็นการเพิ่มยอด Traffic และ Engagement ให้แก่เว็บไซต์นั้นๆ ด้วยการสร้างเนื้อหาภายในที่มีคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง เหมือนกับการยิงแอดโฆษณา และ SEO นั้นเป็นสิ่งที่ทุกเว็บไซต์ควรมี เพราะช่วยให้ติดหน้าหนึ่ง Google ได้ในระยะยาว เพิ่มยอดขายสินค้าได้มากขึ้น ซึ่งมาดูกันมีกว่าว่าองค์ประกอบของการทำ SEO มีอะไรบ้าง ที่ผู้เริ่มต้นทำเว็บไซต์ควรรู้

การกำหนด Keywords ในการสร้างเนื้อหาบทความ

บทความ SEO แตกต่างจากบทความทั่วไป และบทความวิชาการ ตรงที่ต้องกำหนด “คีย์เวิร์ด” ทุกครั้งก่อนเริ่มต้นเขียนบทความ โดยคีย์เวิร์ดนี้ต้องอ้างอิงถึงเนื้อหาภายในเว็บไซต์ เพื่อเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เช่น หน้าเว็บไซต์ขายสินค้าเกี่ยวกับเทคโนโลยี เราก็ควรสร้างบทความที่เกี่ยวกับหมวดหมู่ดังกล่าว อาทิ “รีวิวคอมพิวเตอร์สเปกสูง ราคาประหยัด เล่นเกมได้” หรือข่าวสารเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อให้ AI ของ Google หาเว็บไซต์ของคุณได้ไม่ยาก 

ซึ่งการเลือกคีย์เวิร์ดสำหรับบทความ SEO นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอันดับแรกต้องหาคีย์จากเครื่องมือ SEO เหล่านี้เสียก่อน ได้แก่  Ubersuggest, Keyword Tool.io ที่บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากต้องการเสียเงินเพิ่มเพื่อการค้นหาที่ดีขึ้น ก็สามารถเลือกใช้ Moz หรือ SEMrush ก็ได้เช่นกัน  และการเลือกคีย์ก็พิจารณาจาก Search volume ของคีย์นั้นๆ เช่น ต้องการทำเนื้อหาคอนเทนต์เกี่ยวกับกล้องไอโฟน 14 โดยมีคีย์ยอดนิยม ได้แก่ “กล้อง iPhone 14” ยอด Search volume เท่ากับ 14,000 และคีย์ “กล้องไอโฟน 14 รีวิว” ยอดเสิร์ช 25,000 แสดงว่าคีย์ที่ควรนำมาใช้ก็คือ “กล้องไอโฟน 14 รีวิว” นั่นเอง 

Slug

Slug หรือเรียกอีกชื่อ คือ ส่วนท้ายของ URL ที่ปรากฏบนเว็บไซต์ ซึ่งโดยปกติ wordpress จะแสดงชื่อ Slug ไว้อยู่แล้วแบบอัตโนมัติ และมักเป็นชื่อภาษาอังกฤษ แต่เจ้าของเว็บไซต์บางคนไม่ชอบ เพราะมองทำให้ว่าคนเข้าชมเว็บไซต์เข้าใจยาก ทำให้เลือกที่จะเปลี่ยนชื่อ URL ใหม่เป็นภาษาไทย ด้วย Plug in ที่เรียกว่า Yoast SEO ทั้งนี้การทำ Slug เป็นเทคนิคเล็กๆ ที่ไม่ได้มีผลต่อการจัดอันดับมากนัก เพราะ Slug ช่วยให้ผู้ค้นหา ทราบได้ง่ายขึ้นว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร และช่วยเว็บไซต์มี Traffic มากขึ้นจากการกดเข้าชม

Meta Description

ตรงส่วนนี้คือ เนื้อหาสรุปโดยรวมของเว็บไซต์ ที่ปรากฏลงในหน้าค้นหาของ Google ซึ่งเนื้อหาส่วนMeta เป็นการกระตุ้นให้ผู้ชมสนใจเว็บไซต์เรามากขึ้น เพราะช่วยบ่งบอกได้ทันทีว่า เว็บไซต์ดังกล่าวมีเนื้อหาที่ผู้ชมสนใจมองหาอยู่หรือไม่ ในขณะที่เว็บไซต์ที่ทำ Meta ไม่ดี เนื้อหาเยิ่นเย้อ ยัดคีย์ลงไปเยอะ ผู้ชมอาจไม่สนใจเว็บของคุณ ทำให้ยอดเข้าชมต่ำกว่าเว็บที่ทำ Meta ได้ดีกว่า ซึ่งสามารถทำ Meta Description ได้ผ่าน Plugin ที่ชื่อว่า Yoast seo เช่นเดียวกับ Slug 

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น แม้ว่าการทำ SEO จะมีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าการทำ Digital Marketing รูปแบบอื่น แต่ก็มีข้อเสีย คือ ใช้เวลาทำ content พอสมควร จนกว่าเว็บไซต์จะติดอันดับ และหากยัดคีย์เวิร์ดเยอะเกินไป ก็กลายเป็นว่าเนื้อหาในบทความไม่มีคุณภาพในสายตาของ AI ทำให้มีโอกาสที่เว็บไซต์จะถูกลบในอนาคต ดังนั้นการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ สดใหม่ จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการทำ SEO