Local SEO เป็นยังไง และปัจจัยอะไรที่ทำให้สำเร็จ

การทำ Local SEO คือการเจาะจงคีย์เวิร์ดให้ติดอันดับการเสิร์จในระดับท้องถิ่น สิ่งนี้จะช่วยจำกัดคู่แข่งให้แคบลง และยังเฉพาะเจาะจงไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเข้ามาใช้บริการธุรกิจที่ต้องการโฆษณามากที่สุด การเจาะจงการตลาดที่แคบลงแบบนี้จะช่วยประหยัดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างดี และยังเพิ่มโอกาสในการทำยอดขาย เอาชนะธุรกิจเจ้าใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Local SEO ประสบความสำเร็จ สามารถทำได้ดังนี้

  1. ใช้คีย์เวิร์ดเจาะจงพิกัด

ถ้ามองในมุมของผู้บริโภค การใส่คีย์เวิร์ดเพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ การใส่พิกัดสถานที่เจาะจงลงไปด้วยในการค้นหา จะทำให้สามารถเข้าถึงบริการที่อยู่ไม่ไกลเกินไป อยู่ในระยะที่เดินทางไหว ผู้ประกอบการต้องใช้ประโยชน์จากแนวคิดนี้ โดยการใส่คีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วยคำระบุสถานที่ เช่น ธุรกิจร้านนวด ใช้คีย์เวิร์ดว่า ร้านนวด พญาไท จะทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้น

  1. ต้องมีการปักหมุดธุรกิจบน Google Map

อย่าลืมสมัคร Google My Business (GMB) เพื่อให้พิกัดของธุรกิจปรากฎบน Google Map และยังเป็นการใส่ข้อมูลพื้นฐานของร้านค้าให้ผู้ใช้บริการสืบค้นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้บริการสามารถรีวิวธุรกิจของคุณให้คนทั่วไปได้อ่าน ถ้าเรานำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ จะได้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้เป็นอย่างดี

  1. อัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

การไม่อัพเดทข้อมูลร้านค้าเป็นเหมือนการทำให้ร้านกลายเป็นร้านร้างบนโลกอินเตอร์เน็ต ดังนั้นการหมั่นสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ นอกจากจะส่งผลดีต่อการทำ SEO แล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจดูน่าสนใจและสดใหม่ โดยอาจจะทำได้โดยการเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เพิ่มภาพการแต่งร้านให้โดนใจลูกค้าวัยรุ่น หรือการตกแต่งตามเทศกาล สิ่งนี้จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

  1. ทำ Off-page ที่มีประสิทธิภาพ

Off-page ที่ดีสำหรับ Local SEO คือการเชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของท้องถิ่น เช่น กลุ่มข่าวสารของจังหวัด เว็บไซต์รีวิวธุรกิจ สิ่งนี้จะสร้าง backlink ที่ดีเข้ามาที่หน้าเพจของธุรกิจ สร้างการเชื่อมโยงกับลูกค้าได้มากขึ้น และทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น

  1. สร้างเครือข่ายท้องถิ่นด้วยการรับจัดอีเวนต์ต่าง ๆ

ถ้าเป็นธุรกิจที่สามารถจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ได้ ต้องห้ามพลาดโอกาสนี้เป็นอันขาด เพราะสิ่งนี้เป็นอีกแนวทางในการสร้าง backlink ได้ดีเช่นกัน โดยการรับจัดงานในระดับท้องถิ่นสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น งานแต่งงาน งานวันเกิด นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับรีวิวจากลูกค้าจริงที่มาใช้บริการ มีโอกาสสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้จากกิจกรรมที่จัดขึ้นอีกด้วย นับเป็นการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

จากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาเกี่ยวกับการทำ SEO ในระดับท้องถิ่น คงจะทำให้ธุรกิจที่มีพิกัดกลุ่มเป้าหมายมองเห็นโอกาสในการสร้างกำไรมากขึ้น ผู้ประกอบการทุกท่านสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่นำไปปรับใช้และประยุกต์กับแนวทางการทำธุรกิจของตนเอง เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณจะมีโอกาสทำการตลาดได้ดีกว่าสินค้าเจ้าใหญ่หลาย ๆ ที่

Content creator ต้องรู้ บทความที่ถูกหลัก SEO ดึงคนเข้ามาอ่าน

Content creator นักเขียนบทความหรือคนที่ทำหน้าที่นำเสนอเนื้อหาอย่างมีคุณภาพและน่าสนใจ จำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ SEO หรือเรียกว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้มีผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์มากขึ้นโดยใช้ Keyword เป็นตัวชักนำแบบที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการโปรโมต ดังนั้นเราไปดูกันว่าบทความที่ถูกหลักไวยากรณ์และ SEO เป็นอย่างไรและมีขั้นตอนยากหรือไม่

ความหมายของบทความ SEO

คือ บทความที่ถูกหลักการตลาดทำให้เหล่านักท่องโลกออนไลน์เข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด โดยจะเป็นการนำ Keyword ที่ได้รับการค้นหาบ่อยมาปรับแต่งทำให้มียอดผู้ชมเว็บไซต์มากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมตมากมายนักเว็บก็สามารถติดอันดับได้แล้ว

ขั้นตอนของการเขียนบทความ SEO

1. Keyword คือสิ่งสำคัญ

ในการเริ่มต้นเขียนเนื้อหาขึ้นมา อยากให้คุณลองมองในมุมของคนที่ต้องการหาข้อมูลว่า จะเสิร์ชหาในประเด็นไหน อยากรู้เรื่องอะไร แน่นอนนั้นเป็นที่มาของการเลือกใช้ Keyword ที่หมายถึงคำที่มีการค้นหาบ่อยที่สุดในกูเกิ้ล ซึ่งสามารถดูยอดการค้นหาว่ามีเรทติ้งต่อเดือนที่เท่าไหร่ โดยมีเครื่องมือต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่าง Google Keyword Planner (External Link) เต็มไปด้วย Keyword มากมายพร้อมบอกรายละเอียดทั้งหมด ถือเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาเนื้อหาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

2. จำนวนการใส่ Keyword ในบทความ

การเลือกใช้ Keyword ในหนึ่งบทความมีได้มากกว่า 1 คำ แต่ต้องมีการควบคุมจำนวนหรือความหนาแน่นในการใส่คีย์ลงไปในบทความด้วย แนะนำว่าควรใส่คีย์เริ่มต้นที่ 2% และไม่เกิน 4%

3. ความยาวของเนื้อหาไม่เกิน 2000 คำ

ในงานวิจัยได้กล่าวไว้ว่า Google ให้ความสนใจกับบทความที่มีตั้งแต่ 600 คำขึ้นไป มากสุดไม่เกิน 2,000 คำ เพราะถือเป็นเนื้อหาเชิงลึก

4. Meta Description จำเป็นไม่แพ้ Keyword

หากคุณต้องการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรสามารถบอกผ่าน Meta Description ประโยคสั้น ๆ สรุปใจความว่าเว็บไซต์กำลังนำเสนออะไร พร้อมมี Focus Keyword หรือวลีที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณโดยตรง สำหรับกระบวนการทำงานจะไม่วางไว้ต้นประโยค เพราะอาจทำให้กูเกิ้ลมองว่าเน้นการโปรโมตมากเกินไปและทำให้เนื้อหาไม่เป็นธรรมชาติ

5. รูปภาพประกอบในบทความ

รูปภาพมีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่ในการตั้งชื่อภาพควรมี Keyword ด้วยมีความหมายสอดคล้องกับเนื้อหาในบทความด้วย

สำหรับใครที่กำลังอยากทำคอนเทนต์ลงเว็บไซต์และอยากเพิ่มความพิเศษให้บทความเหล่านั้น การเลือกใช้ SEO เข้ามาช่วยเพิ่มการเข้าถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว นอกจากจะทำให้เว็บไซต์มีคนเข้าถึงเยอะขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องเสียเงินค่าโปรโมตอีกด้วย อย่างไรก็ตามควรนึกถึงคุณภาพของเนื้อหาด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้ความรู้มากที่สุด

จะตั้งชื่อบทความ SEO ให้น่าสนใจ ต้องทำอย่างไร

บทความ SEO เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในเว็บไซต์ออนไลน์ทุกแห่ง เพราะสอดคล้องกับหลักการ SEO หรือ search engine optimization ที่ Google คิดค้น และทำให้เพิ่มการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย ช่วยในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก และเพิ่มยอดขายสินค้าให้มากขึ้นได้ การตั้งชื่อบทความ SEO จึงเป็นส่วนสำคัญทำให้ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้า ให้คลิกเข้ามาชมรายละเอียดและสั่งซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ของคุณได้

การตั้งชื่อบทความ SEO ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ เพื่อทำให้น่าสนใจขึ้น มีดังนี้

ตั้งชื่อไว้หลายหัวข้อ เพื่อเลือกอีกทีหนึ่ง

การตั้งชื่อบทความไม่ได้จบเพียงแค่ตั้งชื่อบทความเดียวแล้วใช้ได้เลย ควรที่จะคิดหลาย ๆ หัวเรื่อง โดยใส่ keyword SEO เดียวกัน เพื่อคัดชื่อที่ถูกใจที่สุดและคิดว่าเข้ากับเนื้อหาของบทความมากที่สุดตัวอย่างเช่น คุณต้องการเขียนเรื่องโทรศัพท์ มือถือ Huawei รุ่นใหม่ ก็สามารถตั้งชื่อได้ว่า มาแล้วหัวเหว่ย 2020 ของมันต้องมี หรือ ไม่อยากพลาดของดีราคาถูก Huawei 2020 มาแล้ว หรือ หัวเหว่ย 2020 มีอะไรดี ทำไมเซียนมือถือต้องยอม เป็นต้น แล้วค่อยเลือกแบบที่คุณถูกใจมากที่สุดไปใช้จริง

ใส่ตัวเลขใกล้ ๆ keyword

มีการเก็บสถิติด้วยระบบอัลกอริทึ่มแล้วพบว่า การตั้งชื่อที่ใส่ตัวเลขในหัวข้อบทความ ร่วมกับ keyword SEO จะเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ดีกว่าการเขียนตัวอักษรเพียงอย่างเดียว จากผลการวิเคราะห์พบว่า หัวข้อที่มีการใส่ตัวเลขนั้น จะกระตุ้นให้ผู้อ่าน 1 ใน 3 คน ตัดสินใจ คลิกเข้ามาดูมากขึ้น ซึ่งมักจะเป็นบทความที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้วิธี เทคนิค วิธีแก้ปัญหา ฯลฯ ที่ กลุ่มเป้าหมายกำลังมองหาอยู่ ทั้งนี้ คนจะสนใจเลขคี่ 1 3 5 7 มากกว่าเลขคู่ ด้วย

ใส่คำที่ตรงใจคนอ่าน

ต้องใส่คำที่จูงใจคนอ่านอยู่เสมอ เช่น ฟรี ราคาถูก ขั้นเทพ สุดยอด ที่สุด ห้ามพลาด ต้องมี ฯลฯ ตามหลักจิตวิทยาแล้ว คำเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้คนหยุดคิด และตัดสินใจคลิกดูรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งเป็นผลเดียวกันในทุกเพศทุกวัย นอกจากนี้ คำที่คนกำลังนิยมใน Hashtag ต่าง ๆ อย่างเช่น ของมันต้องมี ก็สามารถใส่ในกรณีที่ต้องการกระตุ้นยอดซื้อสินค้าแนวแฟชั่น อุปกรณ์ไอที เสื้อผ้ารองเท้า มือถือ ฯลฯ ได้เป็นอย่างดีด้วย

การตั้งชื่อบทความ SEO ที่น่าสนใจ เป็นสิ่งที่สามารถศึกษาและเรียนรู้ได้ เพียงเข้าใจหลักจิตวิทยาทางการตลาด และนำไปปรับใช้เสมอ ๆ จะสามารถดึงดูดความสนใจให้ผู้อ่านคลิกเข้ามาดูบทความของคุณได้

อย่างไรก็ตาม จุดสำคัญ คือ การใส่ใจคุณภาพของเนื้อหา ที่ผู้เขียนต้องตั้งใจผลิตบทความที่มีคุณภาพ ค้นหาเทรนด์ใหม่ ๆ มาเล่าเสมอ การมีเนื้อหาที่น่าสนใจทันสมัยตลอดเวลา จะทำให้ผู้อ่านประทับใจและเกิดการสั่งซื้อสินค้าของคุณได้มากขึ้นด้วย

การตั้งชื่อบทความ SEO ที่คุณสามารถเรียนรู้ได้

การทำภาพประกอบเว็บไซต์ SEO แบบมืออาชีพ

การผลิตบทความที่มีคุณภาพเพื่อใช้ใน เว็บไซต์ SEO ควรต้องมีการใส่รูปภาพประกอบ พร้อมด้วยการกำหนดคีย์เวิร์ดตั้งชื่อที่เหมาะสม จึงจะทำให้ผลการวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ หรือ algorithm ใน Google ได้ผลลัพธ์ที่ดี ช่วยในการจัดอันดับเว็บไซต์ให้อยู่ในระดับสูงมากยิ่งขึ้น จะช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการแข่งขันการธุรกิจรายอื่นได้

วิธีการทำภาพประกอบเว็บไซต์ SEO แบบมืออาชีพที่กูรูด้านการตลาดแนะนำ มีดังนี้

1. การใช้คนในภาพ

การใช้คนในภาพสำคัญต่อการสื่อสารอารมณ์ สร้างความรู้สึกร่วมกับคนอ่านได้ ซึ่งมีการศึกษาวิจัยพบว่าคนส่วนใหญ่จะให้ความชื่นชอบกับรูปภาพที่มีนายแบบนางแบบเป็นคนเชื้อชาติเดียวกันกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเด็กทารก เด็กวัยอนุบาล วัยรุ่น วัยทำงาน จนถึงผู้สูงอายุ หากสามารถเลือกคนมาถ่ายภาพที่มีความคล้ายคลึงกับกลุ่มผู้อ่านเป้าหมายได้ ก็จะทำให้บทความได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้อันดับ SEO ดีตามไปด้วย

2. การกำหนดท่าทางสื่อความหมายภาพ

การกำหนดอิริยาบถของคนในภาพ ควรทำให้ผู้อ่านบทความเห็นความชัดเจน ว่าคนเขาเหล่านั้นต้องการสื่อความหมายอะไร รวมถึงด้านอารมณ์ เช่น สุข ทุกข์ เครียด เสียใจ ฯลฯ ควรสื่อความหมายได้ชัดเจนด้วย ทั้งนี้ การเลือกโทนสีของภาพก็มีความสำคัญในการสื่อความหมาย เช่น มีความสุข เป็นโทนสีสดใส เศร้าจะใช้โทนสีเทาดำ เป็นต้น

3. การตั้งชื่อภาพต้องเหมาะสม

ชื่อภาพที่สื่อถึงสิ่งต่าง ๆ ในภาพ จะช่วยเพิ่มอันดับ SEO ของการสืบค้น ตัวอย่างเช่น ทำเว็บไซต์ด้านสุขภาพที่มีภาพคนเดิน ก็สามารถตั้งชื่อด้วยคำว่า walk exercise health well-being ก็ได้ หรือหากเป็นบทความเรื่องของการลดน้ำหนัก เป็นรูปอาหารเพื่อสุขภาพ หรือผักผลไม้สด ก็ใช้คำว่า clean food, healthy food, fresh fruit, weight loss, fat burn เป็นต้น

4. ใช้ชื่อภาพเป็นภาษาอังกฤษเสมอ

เพื่อป้องกันปัญหาการสะกดผิดหรือตัววรรณยุกต์หล่นหาย เมื่อมีการใช้โปรแกรมปลั๊กอินในการนำส่งข้อมูลอัปโหลดขึ้นสู่ระบบของเว็บไซต์ ที่สำคัญคือคีย์เวิร์ดที่เป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษสามารถที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงเป็นการสร้างฐานลูกค้าต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น

5. ใช้ Long tail niche keyword ในการตั้งชื่อ

การใช้ keyword ที่ดีควรสื่อความหมายของภาพให้ครบถ้วน ว่าเป็นใคร กำลังทำท่าทางอย่างไร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพอยู่ที่ไหน มีภาวะอารมณ์อย่างไร เป็นโทนสีอย่างไร ฯลฯ ซึ่งเรียกว่า Long tail niche keyword เพราะมีการวิจัยด้านการตลาดพบว่าจะเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่จำเพาะเจาะจงมากกว่า ทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จในการขายสินค้าและบริการได้มากขึ้นกว่าการใช้คีย์เวิร์ดสั้น ๆ ที่มีความหมายกว้าง

จะเห็นได้ว่า การถ่ายภาพและตั้งชื่อที่เหมาะสมสำหรับใช้ประกอบบทความ SEO มีประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างลึกซึ้งรอบด้าน หวังว่าคำแนะนำจากกูรูในบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านนำไปปรับใช้ เพื่อส่งเสริมกิจการเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น

วิธีการทำภาพประกอบเว็บไซต์ SEO แบบมืออาชีพ

ความยาวของเนื้อหา ต้องขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้วย

นักทำ SEO ที่มีมันสมองเป็นเต่าล้านปี ยังมีความเชื่ออยู่ในระดับที่ว่า เว็บไซต์ไหนที่มีคอนเทนท์เยอะ จะได้การจัดอันดับเว็บไซต์อยู่ในอันดับสูงสูงของผลการค้นหา ยิ่งมีคอนเทนท์เยอะเท่าไหร่โอกาสที่จะทำอันดับได้ดีกว่าเว็บไซต์อื่นก็ยิ่งมีมากเท่านั้น แท้จริงนั้นสมัย 2 ปีที่แล้ว มันอาจจะเป็นเช่นดั่ง SEO สายคอนเทนท์ได้เกริ่นพูดออกมา แต่ในยุคนี้มันไม่ใช่ เพราะอันกอริทึมได้มีการเรียนรู้พฤติกรรมผู้ใช้อย่างต่อเนื่องและมีการปรับตามความเหมาะสม

ในเวลานี้ เนื้อหาควรจะมีความยาวให้เหมาะสมกับเรื่องราวที่เรากำลังเขียน ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นการรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ จะเป็นของในประเทศไทยเราเองหรือของต่างประเทศก็ตาม สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือรูปภาพและคอนเทนท์แบบจัดหนัก อธิบายทุกซอกทุกมุมทุกสถานที่ที่มีความน่าสนใจ ของขึ้นชื่อ อาหารการกิน วัฒนธรรม เหล่านี้ เขียนมากเท่าไหร่ มีประโยชน์กับผู้อ่านมากเท่าไหร่ ส่วนมากผลการจัดอันดับก็จะดีขึ้นมากเท่านั้น

แต่ในทางกลับกัน หากเราจะเขียนข่าวบอลสั้นสั้นเกี่ยวกับข่าวแมนยูวันนี้ ถ้าจะให้เขียนยาวหนึ่งหน้ากระดาษ A4 รับรองว่าคนเขียนบทความข่าวแมนยูของจะต้องใช้คำสลับไปมาซ้ำซ้อนอย่างแน่นอน ซึ่งจะเกิดข้อเสีย ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะในเมื่อเป็นข่าวเรื่องของบทสัมภาษณ์ของ ”จ่ามู” ในฉบับสั้นๆ จะให้มาเขียนยาวหนึ่งหน้ากระดาษเอสี่จะทำได้ยังไง…

ประเด็นสำคัญก็คือเราจะต้องใส่ใจเรื่องของประโยชน์ต่อผู้อ่าน ไม่ว่าจะสั้นหรือยาว หากไม่มีประโยชน์ย่อมส่งผลดีกับเว็บไซต์ของเราอยู่เสมอ ถ้าเนื้อหามันไม่สามารถเขียนยาวได้ก็อย่าไปฝืน แต่ไปให้คะแนนความสำคัญในส่วนอื่นๆแทนดีกว่า