ทำความรู้จัก Local SEO คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร

ปัจจุบันการทำธุรกิจต่างๆ นอกเหนือจากการมีทรัพยากรที่ดีและมีเงินทุนแล้วการทำการตลาดถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของการทำธุรกิจในยุคนี้อย่างเช่นการใช้กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบ Local SEO ซึ่งเป็นกลยุทธ์ธุรกิจท้องถิ่นที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จักและสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงการตลาดรูปแบบนี้กัน ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น เรามาเช็คกันเลย

ความหมายของ Local SEO?

Local SEO คือกลยุทธ์การทำการตลาดรูปแบบหนึ่งสำหรับธุรกิจท้องถิ่น ( Local Business ) โดยจะมุ่งเน้นการทำ SEO ให้ติดใน Keyword ( คำค้นหา ) เฉพาะพื้นที่ โดยมีจุดประสงค์คือทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าสู่ Search Engine โดยจะเน้นที่การทำ SEO ให้ติด Keyword แน่นอนว่า Local SEO สามารถจำกัดคู่แข่งได้ทั้งในที่ตั้งบริเวณใกล้เคียงหรือในภูมิภาคเดียวกันและยังสามารถกำหนดการค้นหาด้วยภาษาท้องถิ่นได้อีกด้วย

พูดง่ายๆ คือถ้าคุณมีคู่แข่งอยู่ในบริเวณที่ตั้งใกล้เคียงคุณสามารถจำกัดคู่แข่งได้โดยการระบุสถานที่ลงไปให้ละเอียดกว่าร้านที่อยู่ใกล้เคียงให้มากที่สุด เพราะยิ่งคุณระบุได้ละเอียดมากเท่าไหร่โอกาสที่ผู้คนจะมองเห็นธุรกิจของคุณจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นที่สำคัญจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้ง่ายขึ้นมากกว่าการทำ SEO ใน Keyword อื่นๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควร

Local SEO มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

• ธุรกิจจะได้รับความน่าเชื่อถือซึ่งมาจากคะแนนรีวิว

• ธุรกิจของคุณหรือที่ตั้งของร้านคุณจะแสดงผลลัพธ์ให้เห็นบน Google Map ซึ่งนี่จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

• ในการทำ Personalized Content ของคุณจะสามารถเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

• ช่วยให้ธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการทำ SEO ในรูปแบบสีดำซึ่งอาจจะโดน Google Spam ได้

ธุรกิจที่เหมาะจะทำ Local SEO Keyword

Local SEO Keyword เหมาะสำหรับธุรกิจที่ระบุสถานที่ตั้งอย่างชัดเจนเข้าใจง่ายทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือธุรกิจขนาดเล็กเพียงแค่คุณระบุขอบเขตของพื้นที่หรือที่ตั้งของธุรกิจให้ชัดเจนซึ่งจะส่งผลที่ดีในการแสดงผลลัพธ์สำหรับการค้นหาบนหน้า Search Engine นั่นเอง

ตัวอย่างของการทำ Local SEO Keyword

สำหรับการทำ Local SEO Keyword มีข้อดีตรงที่ไม่มีการจำกัดความยาวของ Keyword ความหมายก็คือยิ่งคุณระบุให้ละเอียดมากขึ้นเท่าไหร่นั่นก็ยิ่งเป็นผลดีกับธุรกิจของคุณมากขึ้นเท่านั้น ซึ่ง Long – Tail Keyword ก็จะเป็นในรูปแบบของชื่อธุรกิจและตามด้วยชื่อพื้นที่ดังเช่นชื่อร้านอาหารตามด้วยชื่อจังหวัด, ชื่ออำเภอ, ถนนหรือซอยบริเวณใกล้เคียงหรือจะใส่คำอธิบายที่สามารถเข้าใจได้ง่ายเพิ่มเติมเช่นที่จอดรถหรือโปรโมชั่น ซึ่งถ้าหากคุณให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แน่นอนว่าธุรกิจของคุณมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกมากมายเลยเชียวล่ะ

และทั้งหมดนี้ก็คือการทำ Local SEO อันเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการทำเอสอีโอที่สามารถช่วยคุณในการทำธุรกิจยุคดิจิตอลได้ค่อนข้างเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพราะการทำเอสอีโอให้ดีที่สุดใช่เพียงจะเป็นการพึ่งคีย์เวิร์ดให้ติดเพียงเท่านั้นแต่คุณสามารถที่จะลองใช้ปรับกลยุทธ์รูปแบบอื่นๆ ให้เข้ามาช่วยได้

การตลาดออนไลน์ สำคัญกับแบรนด์น้องใหม่ยังไงบ้าง

ในโลกยุคใหม่ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนับเป็นเรื่องจำเป็น การแข่งขันบนโลกออนไลน์ที่กว้างใหญ่และขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนับเป็นหนึ่งในเรื่องท้าทายที่แบรนด์น้องใหม่ต้องเผชิญ แต่หากมีการวางแผนที่ดี และทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจะประสบความสำเร็จในตลาดและได้โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจจะเป็นเรื่องง่ายดาย โดยเจ้าของแบรนด์น้องใหม่จะเห็นความสำคัญของการตลาดออนไลน์ได้เด่นชัดขึ้นจากทั้ง 4 แง่มุมต่อไปนี้

  1. สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

ในปัจจุบันลูกค้าให้ความไว้วางใจกับแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและนำเสนอการบริการที่คุ้มค่าและมีการออกแบบมาอย่างเฉพาะตัว ดังนั้นการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแบรนด์ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตลาด ซึ่งโลกออนไลน์มอบโอกาสและเครื่องมือที่หลากหลายไร้ขีดจำกัดให้ธุรกิจสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องการได้อย่างอิสระ แถมยังใช้งบประมาณน้อยกว่าการประชาสัมพันธ์ในโลกจริงอีกด้วย

  1. เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าที่มากกว่าบนออนไลน์

หากจะพึ่งพาแค่ลูกค้าที่เดินผ่านมาเจอร้านหรือสินค้าด้วยตัวเองในโลกจริงเพียงอย่างเดียว จะเป็นการเสียโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ไปในทันที เพราะแท้จริงแล้วยังมีลูกค้าอีกมากมายที่โลดแล่นอยู่บนโลกออนไลน์ เจ้าของแบรนด์ต้องเปิดโอกาสให้การเข้าถึงลูกค้าสามารถทำได้กว้างขวางมากขึ้น ต้องใส่ใจกับการตลาดออนไลน์ เช่น การทำ SEO การทำวิดีโอโปรโมทบนโซเชียลมีเดีย ทั้งหมดนี้จะทำให้ได้ปริมาณยอดขายที่ใหญ่กว่าเดิมแน่นอน

  1. สื่อสารกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

การตลาดออนไลน์เป็นการเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพราะลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้านแต่สามารถพูดคุย ถามคำถาม หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น ทำให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ความสบายใจและไว้วางใจ และจะทำให้การปิดการขายทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

  1. เก็บข้อมูลสถิติทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน

การทำการตลาดออนไลน์จะมีการวัดผลและรายงานผลทางสถิติอย่างชัดเจน เช่น ตัวเลขยอดขาย ยอดรีวิวหรือยอดชมสินค้า และอันดับ SEO ทั้งหมดนี้จะช่วยให้แบรนด์ที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดเห็นภาพรวมของพัฒนาการทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น เห็นพฤติกรรมของลูกค้า เช่นเดียวกันกับการเดิมพันฟุตบอลที่ต้องมีการวิเคราะห์บอลคู่นั้นในเรื่องสถิติ ทำให้การวางแผนยุทธศาสตร์การบริหารธุรกิจทำได้อย่างเข้มแข็งและจริงจัง และจะส่งผลดีกับอนาคตของแบรนด์อย่างแน่นอน

จะเห็นได้จากแง่มุมทั้ง 4 ข้อที่รวบรวมมาว่าการตลาดออนไลน์มีความสำคัญกับการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดไหน ดังนั้นแบรนด์น้องใหม่ห้ามมองข้ามและปล่อยผ่านการทำการตลาดออนไลน์โดยเด็ดขาด เพราะทั้งหมดนั้นอาจหมายถึงการสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทุกแบรนด์ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ เพราะการลงทุนกับการตลาดออนไลน์ แม้จะใช้งบไม่มาก แต่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของ   แบรนด์ได้เลยทีเดียว

ทำความรู้จักกับ SEO ตัวช่วยสุดปังสำหรับเว็บไซต์สุดฮิต

การทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน สามารถวัดได้จากปัจจัยหลากหลายอย่างหนึ่งในนั้นก็คือการที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง มีการสนใจเนื้อหาภายในเว็บไซต์ แชร์ต่อ และกดเข้ามารับชมซ้ำ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย โดย SEO ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เว็บไซต์มีความปังมากกว่าที่เคย

เริ่มต้นที่มาทำความรู้จักกับ SEO หรือ Search Engine Optimization กันก่อน ความพิเศษของการทำ SEO คือช่วยทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนสามารถติดลำดับการค้นหาที่ดีของหน้าการค้นหา เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายอันดับแรก ๆ ของการทำเว็บไซต์เลยก็ได้อย่าง

การทำ SEO นั้นจำเป็นต้องมีการทำอย่างถูกวิธี ทำอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ด้วยการวางแผนการทำ SEO ด้วยการเลือกใช้คำสำคัญหรือ keyword อย่างเหมาะสม เลือกคำสำคัญที่ผู้คนเลือกใช้ในการค้นหา เนื้อหาต่าง ๆ ที่ต้องการนำเสนอในหน้าเว็บไซต์ ซึ่งถ้าหากว่าไม่มั่นใจให้ลองไปค้นหา ตรวจสอบกับทาง google ก่อนได้ว่ามีความคุ้มค่ามากเพียงพอที่จะเลือกมาเป็นคำสำคัญชุดหลักหรือไม่

เมื่อเริ่มต้นทำ SEO แล้วเว็บไซต์มีการติดอันดับที่ดี มีอันดับอยู่ในหน้าการค้นหาต้น ๆ ถ้าหากว่ามีการหยุดทำ SEO ไปอันดับในหน้าการค้นหาก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ไม่ใช่ว่าจะติดอยู่ในอันดับต้น ๆ เสมอไป ความสม่ำเสมอและการนำเนื้อหาที่มีคุณภาพตามเกณฑ์ของทาง google จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

นอกเหนือจากการทำเนื้อหาแบบ SEO แล้วก็ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่มีผลดีต่อเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่นการตั้งชื่อ URL ที่เป็นคำสำคัญ มีความชัดเจนสอดคล้องกับเนื้อหา การใส่ Alt Text ที่มีคำสำคัญ ตรงกับเนื้อหา บรรยายได้ไม่เกิน 100 ตัวอักษร เน้นความชัดเจน

การพัฒนาและปรับปรุงการทำ SEO สามารถทำได้โดยการปรับปรุงองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการโหลดเว็บไซต์จากหน้าการค้นหา การค้นหาคำสำคัญที่มีประสิทธิภาพ มีความสะดวกสำหรับการเข้าดูเนื้อหาผ่านการใช้สมาร์ทโฟนรุ่นต่าง ๆ และเนื้อหาที่นำไปลงในเว็บไซต์นั้นควรต้องเป็นบทความที่เขียนขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ไปคัดลอกมาจากที่อื่น พูดง่าย ๆ ก็คือทางเว็บไซต์เป็นเจ้าของเนื้อหาหรือบทความนั่นเอง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงรู้จักกับ SEO มากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้ รายละเอียดขั้นตอน วิธีการทำ ประโยชน์และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจที่มีหน้าเว็บไซต์สามารถเติบโตได้มากขึ้นในอนาคต ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่มฐานลูกค้าและเป็นการทำตลาดที่มีความคุ้มค่า เข้าถึงและตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกช่วงเวลา

หนทางสร้างอาชีพนักขายของออนไลน์ ด้วยการปั้น SEO วิธีง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง

ต้องยอมรับว่า โลกในยุคปัจจุบันคือโลกแห่งออนไลน์ ทุกสิ่งอย่างสามารถเกิดขึ้นและดับลงได้ด้วยปลายนิ้ว บนโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว ช่องทางการสร้างอาชีพหรือหาเงินเลี้ยงปากท้องก็เช่นเดียวกัน จากสมัยก่อนที่ต้องดิ้นรนนอกบ้าน ปัจจุบันอยู่บ้านอย่างเดียว ก็สามารถหาเงินจากช่องทางออนไลน์ได้ไม่อยาก

อาชีพนักขายของออนไลน์ จึงกลายมาเป็นอาชีพยอดฮิตที่หลายคนเลือก มีทั้งทำแบบอาชีพเสริมหาเงินเพิ่ม หรือบางคนยึดเป็นอาชีพหลักเลี้ยงครอบครัวเลยก็ว่าได้ แต่ยิ่งคนทำมากเท่าไร คู่แข่งในอาชีพขายของออนไลน์ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น วิธีการเดียวที่จะทำให้เหนือกว่าคู่แข่งขันคือ ต้องทำให้ลูกค้าติดใจ และเลือกซื้อเฉพาะของเราเท่านั้น อีกประเด็นคือ ต้องสร้างฐานลูกค้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อ ให้เขาตัดสินใจเลือกซื้อของเรา

ด้วยเหตุนี้ การทำ SEO จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่นักขายของออนไลน์ จำเป็นต้องรู้ และต้องทำให้เป็น เพื่อช่วยดึงลูกค้ารายใหม่ และคงอยู่ของลูกค้ารายเก่า การทำ SEO หรือที่เรียกกันในวงการออนไลน์คือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการค้นหาเว็บไซต์ผ่านแพลตฟอร์มอย่างเช่น Google เพื่อนำไปสู่เว็บไซต์ที่ต้องการค้นหา หากนักขายสามารถสร้างเว็บไซต์ให้ติดอันดับแรกหรือต้น ๆ ของการค้นหา ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ จนนำไปสู่ความต้องการซื้อของลูกค้า และท้ายที่สุดคือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง

โดยปกติแล้ว หากเป็นธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีกำลังทุนทรัพย์มากพอ ก็จะมีการจ้างเหล่าพวกบริษัทเอเจนซี่โฆษณาต่าง ๆ เพื่อดำเนินการแผนการตลาดรวมถึงการสร้าง SEO นี้ด้วย แต่หากเจ้าของธุรกิจออนไลน์ทั้งหลาย อยากจะลงมือทำด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้าง ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องมีความสม่ำเสมอในทำอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากวิธีการง่าย ๆ 2 ตัวหลักจำเป็น ดังนี้

1. แผนการตลาดสำคัญ

ต่อให้ธุรกิจจะขนาดเล็กมากเพียงใด แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจแล้ว จำเป็นต้องมีแผนการตลาดเสมอ ไม่ใช่แผนเฉพาะด้านเพื่อมุ่งเพิ่มยอดขายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแผนดิจิตอลบนเว็บไซต์ด้วย หากลงมือทำเองก็ต้องกำหนดขอบเขตเวลาให้ชัดเจน เช่น ใน 1 เดือนต้องเปลี่ยน Keyword กี่ครั้ง มีผลรายงานการทำ SEO หรือต้องใช้ Keyword คำไหนที่จะค้นหาได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

2. Keyword คือแผนนำทาง

การกำหนด Keyword เพื่อการค้นหา ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำผู้ค้นหาไปยังเว็บไซต์ของเรา ฉะนั้น การเลือกใช้ Keyword จำเป็นต้องเป็นคำที่เหมาะสม เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และเป็นคำที่นิยมค้นหากันในปัจจุบัน

นอกจากหัวใจ 2 ข้อข้างต้นแล้ว การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ยังจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น หน้าเว็บไซต์ ต้องปัง ค้นหาง่าย มีลิงค์เชื่อมโยงระหว่างกัน ที่สำคัญต้องอัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ หรือจะเป็นในเรื่องของคอนเทนต์ ที่อ่านแล้วต้องชวนดึงดูดความน่าสนใจ มีข้อมูล เนื้อหาสาระ และความบันเทิงที่ครบถ้วน เป็นต้น

Content creator ต้องรู้ บทความที่ถูกหลัก SEO ดึงคนเข้ามาอ่าน

Content creator นักเขียนบทความหรือคนที่ทำหน้าที่นำเสนอเนื้อหาอย่างมีคุณภาพและน่าสนใจ จำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ SEO หรือเรียกว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้มีผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์มากขึ้นโดยใช้ Keyword เป็นตัวชักนำแบบที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการโปรโมต ดังนั้นเราไปดูกันว่าบทความที่ถูกหลักไวยากรณ์และ SEO เป็นอย่างไรและมีขั้นตอนยากหรือไม่

ความหมายของบทความ SEO

คือ บทความที่ถูกหลักการตลาดทำให้เหล่านักท่องโลกออนไลน์เข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด โดยจะเป็นการนำ Keyword ที่ได้รับการค้นหาบ่อยมาปรับแต่งทำให้มียอดผู้ชมเว็บไซต์มากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมตมากมายนักเว็บก็สามารถติดอันดับได้แล้ว

ขั้นตอนของการเขียนบทความ SEO

1. Keyword คือสิ่งสำคัญ

ในการเริ่มต้นเขียนเนื้อหาขึ้นมา อยากให้คุณลองมองในมุมของคนที่ต้องการหาข้อมูลว่า จะเสิร์ชหาในประเด็นไหน อยากรู้เรื่องอะไร แน่นอนนั้นเป็นที่มาของการเลือกใช้ Keyword ที่หมายถึงคำที่มีการค้นหาบ่อยที่สุดในกูเกิ้ล ซึ่งสามารถดูยอดการค้นหาว่ามีเรทติ้งต่อเดือนที่เท่าไหร่ โดยมีเครื่องมือต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่าง Google Keyword Planner (External Link) เต็มไปด้วย Keyword มากมายพร้อมบอกรายละเอียดทั้งหมด ถือเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาเนื้อหาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

2. จำนวนการใส่ Keyword ในบทความ

การเลือกใช้ Keyword ในหนึ่งบทความมีได้มากกว่า 1 คำ แต่ต้องมีการควบคุมจำนวนหรือความหนาแน่นในการใส่คีย์ลงไปในบทความด้วย แนะนำว่าควรใส่คีย์เริ่มต้นที่ 2% และไม่เกิน 4%

3. ความยาวของเนื้อหาไม่เกิน 2000 คำ

ในงานวิจัยได้กล่าวไว้ว่า Google ให้ความสนใจกับบทความที่มีตั้งแต่ 600 คำขึ้นไป มากสุดไม่เกิน 2,000 คำ เพราะถือเป็นเนื้อหาเชิงลึก

4. Meta Description จำเป็นไม่แพ้ Keyword

หากคุณต้องการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรสามารถบอกผ่าน Meta Description ประโยคสั้น ๆ สรุปใจความว่าเว็บไซต์กำลังนำเสนออะไร พร้อมมี Focus Keyword หรือวลีที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณโดยตรง สำหรับกระบวนการทำงานจะไม่วางไว้ต้นประโยค เพราะอาจทำให้กูเกิ้ลมองว่าเน้นการโปรโมตมากเกินไปและทำให้เนื้อหาไม่เป็นธรรมชาติ

5. รูปภาพประกอบในบทความ

รูปภาพมีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่ในการตั้งชื่อภาพควรมี Keyword ด้วยมีความหมายสอดคล้องกับเนื้อหาในบทความด้วย

สำหรับใครที่กำลังอยากทำคอนเทนต์ลงเว็บไซต์และอยากเพิ่มความพิเศษให้บทความเหล่านั้น การเลือกใช้ SEO เข้ามาช่วยเพิ่มการเข้าถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว นอกจากจะทำให้เว็บไซต์มีคนเข้าถึงเยอะขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องเสียเงินค่าโปรโมตอีกด้วย อย่างไรก็ตามควรนึกถึงคุณภาพของเนื้อหาด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้ความรู้มากที่สุด

พลิกวิกฤติธุรกิจด้วยการทำ SEO เพิ่มยอดขายด้วยกลยุทธ์ตลาดออนไลน์

เป็นเรื่องปกติของการทำธุรกิจที่ผู้ประกอบการแต่ละคนมีโอกาสที่จะต้องเจอกับปัญหาวิกฤติในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ หรือการแข่งขันที่สูง และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่ว่าในฐานะผู้ประกอบการ เราจะเลือกใช้กลยุทธ์ใดในการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส สำหรับการตลาดออนไลน์ กลยุทธ์ที่จะช่วยเราได้ก็คือการทำ SEO กับการเพิ่มยอดขาย เปลี่ยนขาดทุนให้เป็นกำไรได้ในพริบตา

ปรับปรุงเนื้อหาในเว็บไซต์ด้วยกลยุทธ์ On-page SEO

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ที่ผนวกเข้ากับกลยุทธ์ On-page SEO ซึ่งเป็นการปรับปรุงเนื้อหาภายในเว็บไซต์ของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น หัวเรื่อง คำอธิบาย และข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับเรื่องราวที่ลูกค้าให้ความสนใจ ซึ่งจะทำให้เกิดการเชื่อมต่อและเรียกลูกค้าเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของธุรกิจ ช่วยให้เกิด Awareness เพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้าที่จะส่งผลต่อยอดขายของธุรกิจในอนาคต

Local SEO กลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะพื้นที่

สำหรับธุรกิจที่มีรูปแบบการทำตลาดแบบแบ่งสาขาแยกเป็นพื้นที่ในโซนต่าง ๆ อาจเลือกใช้กลยุทธ์ Local SEO ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่ได้มากขึ้น เป็นการเจาะกลุ่มลูกค้าในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการซื้อสินค้าของธุรกิจของลูกค้าในพื้นที่ให้สะดวกขึ้น เป็นการขยายฐานลูกค้าในพื้นที่แบบออนไลน์ที่จะทำให้เกิดการซื้อซ้ำได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการทำกำไรในระยะยาวของธุรกิจ ซึ่งการทำคอนเทนต์ที่หลากหลายที่ลงเฉพาะเจาะลึกกับลูกค้าเฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะโซนพื้นที่ในย่านนั้น ๆ จะช่วยให้เกิดความง่ายในการเข้าถึงข้อมูลที่มากขึ้น

Backlink ยกระดับการค้นหาในวงกว้าง

เพราะหัวใจสำคัญของการทำ SEO คือการค้นหา การทำให้เว็บไซต์ของธุรกิจติดอันดับการค้นหาที่สูงขึ้นได้ เราสามารถเลือกใช้กลยุทธ์การทำ Backlink ซึ่งเป็นการทำ SEO ให้เว็บไซต์อื่น ๆ แนะนำแบรนด์ของธุรกิจและส่งลูกค้ามายังเว็บไซต์หลักธุรกิจของเรา ผลก็คือการเพิ่มจำนวนลูกค้า ขยายส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากขึ้น ซึ่งส่วนสำคัญที่จะทำให้การทำกลยุทธ์ Backlink ประสบผลสำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญอยู่ที่การเลือกนำเสนอคอนเทนต์ที่ลูกค้าให้ความสนใจ เนื้อหาบทความที่มีคุณภาพ และมาตรฐานของการทำเว็บไซต์ของธุรกิจที่ต้องใช้งานง่าย เห็นข้อมูลสินค้าได้ชัดเจน

ด้วยความเข้าใจถึงการทำ SEO ที่ผนวกเข้ากันกับการเลือกใช้กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ลงตัว จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถที่จะเปลี่ยนวิกฤตที่ธุรกิจกำลังเผชิญให้เป็นโอกาสในการสร้างผลกำไรได้ และสนับสนุนให้การทำการตลาดแบบออนไลน์ของธุรกิจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ให้ธุรกิจมีความพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์

keyword research ทองคำฉบับสมบูรณ์

ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันมีความเกี่ยวพันกับ Social media, Search engine และ e – Commerce จนเป็นเรื่องปกติ การเข้าถึงลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่มีความจำเป็นต่อธุรกิจทุกภาคส่วนและ keyword research เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจในโลกออนไลน์ได้

keyword research คือ ขั้นตอนในการค้นคว้า “คำค้นหา” ที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยคำค้นหาที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้

  • มีจำนวนการค้นหาเยอะ
  • มีความสามารถในการแข่งขันได้

ทั้งนี้ ลักษณะของคำค้นหาที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คอนเทนต์มีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ เนื่องจากคำค้นหาที่ดีควรถูกนำมาใช้ในบริบทที่เหมาะสม ผู้ใช้งานจึงควรทราบถึงประเภทของคำค้นหาเพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมในการนำไปใช้งานต่อไป โดย Keyword ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

  1. Seed Keyword หรือ คำค้นหาทั่วไป ไม่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น กระโปรง, กางเกง, รองเท้า หรือกระเป๋า เป็นต้น คำเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการเรียกชื่อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ในคอนเทนต์
  2. Niche Keyword หรือ คำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น กระโปรงสั้นลายสก็อต, กางเกงขายาว, รองเท้าคัชชู หรือกระเป๋าสะพายข้าง เป็นต้น คำเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายมักใช้ในการค้นหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ
  3. Niche Long Tail Keyword หรือ คำค้นหาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เช่น กระโปรงสั้นลายสก็อตสีแดง ราคา, กางเกง dickies กระบอกใหญ่ หรือกระเป๋าสะพายข้าง Nike เป็นต้น คำค้นหาเหล่านี้มักนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการของกลุ่มเป้าหมาย

โปรแกรมหา keyword คือ เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาการทำ keyword research ง่ายขึ้น โดยการทำงานของ Keyword tool จะทำการดึงข้อมูลจาก Search engine และ e-commerce มาเก็บรวบรวมเอาไว้ จากนั้นจะแสดงผลการวิเคราะห์คำที่ผู้ใช้งานต้องการว่าเป็นคำค้นหาที่ดีหรือไม่และมีคำค้นหาอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันสามารถนำไปใช้งานแทนได้ ซึ่งโปรแกรมหา keyword ฟรี ได้แก่

  • keywordtool.io เว็บไซต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหา Niche Long Tail Keyword ได้ดีมากและยังมีฟังก์ชันแยกหมวดหมู่ Search engine และ e-commerce ให้เลือกเพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในการใช้งานฟรีเว็บไซต์จะไม่แสดงจำนวนการค้นหาและความยาก – ง่ายในการแข่งขัน แต่ผู้ใช้งานจะได้ไอเดียคำค้นหาที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
  • ahrefs.com/keyword-generator โปรแกรมหา Keyword ฟรี ที่ช่วยบอกจำนวนการค้นหาในแต่ละวันและมีฟังก์ชัน Search engine และ e-commerce ยอดนิยมให้เลือกเพื่อความแม่นยำ ทั้งนี้ หากเป็นเวอร์ชันฟรีหากไม่มีการค้นหาคำที่เราต้องการทำ Research ในวันนั้น ๆ โปรแกรมจะไม่แสดงผลลัพท์ให้เห็น
  • neilpatel.com/ubersuggest โปรแกรมหา Keyword ฟรีได้ 3 ครั้งต่อวัน แสดงผลลัพท์ครอบคลุมทั้งจำนวนที่ถูกค้นหาและความยาก – ง่ายในการแข่งขัน เหมาะสำหรับใช้งานควบคู่กับ keywordtool.io แต่โปรแกรมนี้ไม่สามารถเลือก Search engine และ e-commerce ได้

โดยสรุป หากต้องการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพด้วย Keyword ทองคำ ควรเริ่มต้นด้วยการลิสรายการคำค้นหาที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ จากนั้นนำไปเช็คใน โปรแกรมหา keyword อย่าง keywordtool.io หรือ ahrefs.com/keyword-generator ก่อนและจึงนำคำที่คิดว่าน่าสนใจไปหาความยาก – ง่ายในการทำอันดับใน neilpatel.com/ubersuggest เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ได้ Keyword ทองคำอย่างที่ต้องการ

หลักการทำงานของ Search Engine ที่มือใหม่ควรรู้

เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักการทำ SEO กันมาบ้างแล้ว แต่มีใครรู้หรือไม่ว่า Search Engine นั่นมีหลักในการทำงานอย่างไร เพราะหากรู้หลักการทำงาน ก็จะทำให้การทำ SEO ได้สะดวกและง่ายขึ้น ซึ่งขอยกตัวอย่างหลักการทำงาน Search Engine ของ Google เพราะเป็นเว็บผู้ให้บริการค้นหาข้อมูลในระบบอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมากที่สุดทั่วโลก

Crawling การเก็บข้อมูล

อินเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายที่มีการเชื่อมโยงทุกอย่างบนโลกออนไลน์และมีปริมาณข้อมูลมหาศาลไหลเวียนอยู่เป็นจำนวนมาก การที่จะค้นหาข้อมูลสักอย่างบนโลกออนไลน์จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย จำเป็นที่จะต้องมีคนคอยรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นขึ้นมา นั่นคือ การส่ง Bot หรือที่เรียกกันว่า Crawler กระจายออกไปช่วยกันเก็บข้อมูลไม่ว่าจะเป็นบทความ รูปภาพ เสียงเพลง วิดีโอ ตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายของเว็บ โดยการเก็บข้อมูลดังกล่าวจะต้องทำแบบ non stop ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้ข้อมูลของเว็บหนึ่งก็ไปต่ออีกเว็บหนึ่ง แบบไม่ได้หยุดพัก

ทำดัชนีหรือ Index

ภายหลังจากที่ Bot ออกไปรวบรวมข้อมูลเว็บไซต์จากทั่วทุกมุมโลกแล้ว ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวกลับมาทำดัชนีหรือ Index เพื่อแบ่งหมวดหมู่แบบแยกย่อยมากที่สุด เพื่อที่จะสามารถค้นหาได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วมากที่สุด หากใครที่ใช้งาน Google และสังเกตเมื่อเวลาเราพิมพ์คำที่ต้องการค้นหาลงไป มักจะมีข้อความต่อท้ายขึ้นมาให้อัตโนมัติ นั่นเพราะมีการจัดทำ Index และให้ระบบทำการใส่หมวดหมู่ย่อยต่อท้าย ด้วยการคาดเดาจากคำที่ใช้ค้นหามาต่อท้าย เช่น หากเราพิมพ์คำว่า เครื่อง ก็จะมีเครื่องยนต์, เครื่องคิดเลข, เครื่องซักผ้า, เครื่องจักร ขึ้นมาต่อท้ายจำนวนมาก หากพบคำที่ค้นหาก็สามารถที่จะเลือกได้เลย โดยที่ไม่ต้องพิมพ์เพิ่มเข้าไป

ค้นหาและจัดเรียง

หลังจากที่มีการจัดทำ Index เป็นที่เรียบร้อยจะมีเครื่องมือสำหรับการค้นหาใน Index เพื่อให้ได้ข้อมูลตามที่ Search Engine รับคำสั่งมาเพื่อให้ค้นหา ซึ่งในการค้นหานั้นจะต้องอาศัย Keyword ที่อยู่ในเนื้อหา เช่น หาคำว่า แมว คำว่า แมว อาจอยู่ในเนื้อหาภายในเว็บ, บางอันเป็นชื่อเว็บ, เป็นหัวข้อ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเว็บไซต์ที่ทำนั้นจะกำหนดคีย์เวิร์ดไว้ตรงส่วนใดของเว็บบ้าง ซึ่งเมื่อค้นหาเจอบางคำอาจเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำว่าแมว เช่น อาหารแมว, กระดิ่งแมว, ของเล่นแมว, เสื้อลายแมว เป็นต้น หาก User มีการเลือกใช้งานลิงก์คำว่า เสื้อลายแมว จากเว็บที่ Search Engine หามาให้ ตัว Bot และระบบประมวลผลจะมีการจดจำและแสดงผลการค้นหาที่ตรงใจมากขึ้น โดยหากผู้ใช้มีการค้นหาคำว่า แมว อีกในอนาคต ก็จะมีการคาดเดาความต้องการล่วงหน้าว่าจะต้องเกี่ยวกับเสื้อผ้า ลวดลายของเสื้อ เป็นต้น

การทำงานของ Search Engine ของ Google มีเพียงแค่ 3 ขั้นตอนเท่านั้น แต่สิ่งที่ดูเหมือนยากคือชุดคำสั่งที่ส่งไปกับ Bot หรือ Crawler คือ เงื่อนไขให้ไปตรวจสอบเว็บไซต์ต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งคนที่ทำ SEO จะต้องศึกษาเกี่ยวกับกฎ ระเบียบและเงื่อนไขในการค้นหาของ Bot อยู่เสมอ เพื่อนำมาปรับปรุงเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามคำแนะนำและข้อกำหนด

seo website

Search Engine Optimization เป็นเทคนิคในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาจาก Search Engine การที่เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรกของการค้นหาได้นั้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก

สำหรับการทำ SEO ของเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นที่นิยมก็คือการใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) เป็นตัวช่วยในการทำให้ผู้คนพบเจอเว็บไซต์ของเรา โดยการใช้คีย์เวิร์ดนั้นจะนำไปแทรกไว้ในส่วนต่าง ๆ ของการเขียนบทความ รีวิว การนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ เป็นต้น เพราะเวลาที่คนเราต้องการสืบค้นข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะใช้การพิมพ์คำสั้น ๆ เพื่อค้นหาลงใน Search Engine จากนั้นระบบก็จะประมวลผลแสดงบทความที่ตรงกับคำค้นหานั้นขึ้นมา หากเราสามารถทำให้บทความหรือเว็บไซต์แสดงผลได้ในหน้าแรกของการค้นหา โอกาสในการขายสินค้าและบริการก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากเว็บไซต์ของเราไม่ถูกค้นพบก็ไม่ต่างอะไรกับการที่มีหน้าร้านแต่ไม่มีผู้คนเดินผ่าน

เทคนิคการเขียนบทความเพื่อส่งเสริม SEO

ในการเขียนบทความเพื่อการทำ SEO นั้น จำเป็นต้องรู้เทคนิคที่แตกต่างจากบทความทั่วไป ดังนี้

  1. ทุกบทความต้องกำหนดคีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดเปรียบเสมือนกุญแจดอกแรก ที่จะเปิดประตูต้อนรับผู้ชมเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา หากบทความไม่มีคีย์เวิร์ด ก็เหมือนการเดินทางที่ไม่มีการกำหนดเส้นทาง ซึ่งจะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย
  2. ต้องวิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้ดี การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีผู้คนหามาก จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงผู้คนได้มาก ตรงกันข้ามหากเลือกคีย์เวิร์ดที่มีผู้ค้นหาน้อยเกินไป อาจจะเป็นการเสียเวลาสร้างบทความไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะจะไม่มีใครพบบทความของเราเลย
  3. เนื้อหาครอบคลุม เป็นประโยชน์ นอกจากคีย์เวิร์ดแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจก็คือเนื้อหาของบทความ ที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน สามารถแก้ข้อสงสัยได้ หากบทความมีเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ ไม่มีประโยชน์มากพอ ก็จะทำให้ผู้ชมไม่ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของเรา

การทำ SEO สำคัญกับการทำเว็บไซต์อย่างไร

การที่เราสร้างเว็บไซต์ขึ้นมานั้น สิ่งที่ต้องการก็คือมีผู้ชมเข้ามาสู่เว็บไซต์ของเราให้มากที่สุด เพื่อโอกาสในการสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ และนี่คือความสำคัญของ SEO ต่อเว็บไซต์

  1. เป็นช่องทางนำผู้คนมาสู่เว็บไซต์
  2. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ
  3. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
  4. วางแผนการตลาดในอนาคตได้ผ่านการเก็บข้อมูลผู้ชม
  5. ประหยัดงบประมาณในการลงโฆษณา หากเราสามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาหน้าแรกในเสิร์ชเอ็นจิ้น เช่น Google หรือ Bing เป็นต้น

จากเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่าการทำ SEO นั้น มีความสำคัญต่อการสร้างเว็บไซต์เป็นอย่างมาก หากเราสามารถทำได้ โอกาสทางธุรกิจก็จะเติบโตได้อย่างไม่หยุดยั้งในโลกออนไลน์

ทำเว็บติดอันดับดี ไม่เปลืองงบ

เหตุผลที่เจ้าของกิจการสร้างเว็บไซต์เพื่อทำการตลาดออนไลน์ส่งเสริมให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ส่งผลให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและเปลี่ยนจากผู้เข้าชมกลายเป็นลูกค้าในอนาคต มีเทคนิคการทำ SEO ที่ง่าย แต่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดเข้าชมเว็บไซต์ ช่วยให้ติดอันดับที่ดีใน Google แบบไม่เปลืองงบประมาณเหมาะสำหรับสตาร์ทอัพและธุรกิจขนาดเล็ก

ทำ SEO แบบง่ายสำหรับผู้เริ่มต้นคือการส่องกลยุทธ์ของคู่แข่ง เก็บข้อมูลนำมาเป็นแนวทางในการทำ SEO ในเว็บไซต์ของคุณเอง โดยเลือกต้นแบบที่ดีแต่อย่าคัดลอก ควรทำในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

แม้จะยังเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพ ไม่ได้เน้นการตลาดคำหลักเช่น บ้านผลบอล แต่ก็จำเป็นต้องเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ที่ออกแบบมาอย่างดี หมายถึงมีโครงสร้างเรียบง่าย จัดหมวดหมู่เป็นระเบียบ เลือกหัวข้อย่อยแต่ละหน้าเว็บอธิบายเนื้อหาในหน้านั้นอย่างชัดเจนช่วยให้ง่ายต่อการค้นหาข้อมูลนำไปยังผลลัพธ์ที่ถูกต้อง

ข้อดีของเว็บไซต์ขนาดเล็กคือโหลดเร็วและปรับแต่งเนื้อหาได้ง่าย มีไฟล์ข้อมูลหรือไฟล์มัลติมีเดียไม่มากนักซึ่งง่ายต่อการค้นหาข้อมูลทำให้พบสิ่งที่ต้องการอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงถูกใจผู้คนหาเท่านั้น แต่ยังได้คะแนนดีจากเครื่องมือค้นหาด้วย

เลือกชื่อของเว็บไซต์ ตั้งชื่อและพาดหัวที่อธิบายอย่างถูกต้องว่าแต่ละหน้าเว็บมีเนื้อหาอะไร ช่วยให้ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ จัดแสดงผลลัพธ์ถูกต้องตรงกับความต้องการ อย่าใช้คำที่เกินจริงหรือหลอกลวงผู้อ่านเพราะจะทำให้สูญเสียความไว้วางใจ ผู้อ่านไม่กลับมาใช้เว็บไซต์ซ้ำอีกซึ่งเกิดผลเสียต่ออันดับ SEO

เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม สามารถศึกษาคีย์เวิร์ดจากเว็บไซต์ของคู่แข่งได้ เรียกว่ารู้เขารู้เราทั้งจุดอ่อนและจุดแข็ง ควรค้นหาคำที่ตรงไปตรงมาและชัดเจนที่สุด อย่าลืมเสริมด้วย Longtail Keywords ซึ่งเป็นคีย์เวิร์ดค้นหาที่เจาะจงตรงกับความสนใจของลูกค้าเป้าหมายทำให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

เน้นเฉพาะคีย์เวิร์ดอย่างเดียวไม่ได้ สิ่งสำคัญคือการนำเสนอเนื้อหาที่มีคุณภาพ ข้อมูลถูกต้องและเจาะลึก สามารถตอบคำถามให้ความกระจ่างในเรื่องที่ผู้อ่านอยากรู้ มุ่งเน้นความพอใจทำให้เว็บไซต์เป็นที่ยอมรับ มีผู้กลับมาใช้งานซ้ำอีก ถือเป็นวิธีการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพเพราะเครื่องมือค้นหาให้ความสำคัญกลับมาใช้ซ้ำ ๆ ช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ของคุณได้อย่างแน่นอน

อัปเดตข้อมูลโพสต์ลงเว็บไซต์เป็นประจำ ทำให้เนื้อหาสดใหม่มีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบทความให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ เนื้อหาเจาะลึกและมีประโยชน์มากเท่าไรยิ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์มากขึ้น

การใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียจะใช้งบประมาณน้อยกว่าการโปรโมทแบรนด์แบบดั้งเดิม โดยแบ่งปันเนื้อหาไปที่ Facebook, Twitter, Instagram หรือเครือข่ายโซเชียลมีเดียอื่น ๆ

เทคนิคการทำ SEO เพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดี มีผลให้คนค้นพบเว็บไซต์ของคุณท่ามกลางเว็บไซต์คู่แข่งมากมาย แม้จะยังไม่ปรากฏในผลลัพธ์หน้าแรกของการค้นหา แต่ช่วยให้เว็บไซต์เห็นง่ายขึ้นและเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมมากขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสขายมากขึ้นซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจนั่นเอง