Local SEO เป็นยังไง และปัจจัยอะไรที่ทำให้สำเร็จ

การทำ Local SEO คือการเจาะจงคีย์เวิร์ดให้ติดอันดับการเสิร์จในระดับท้องถิ่น สิ่งนี้จะช่วยจำกัดคู่แข่งให้แคบลง และยังเฉพาะเจาะจงไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสเข้ามาใช้บริการธุรกิจที่ต้องการโฆษณามากที่สุด การเจาะจงการตลาดที่แคบลงแบบนี้จะช่วยประหยัดงบประมาณในการประชาสัมพันธ์เป็นอย่างดี และยังเพิ่มโอกาสในการทำยอดขาย เอาชนะธุรกิจเจ้าใหญ่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Local SEO ประสบความสำเร็จ สามารถทำได้ดังนี้

  1. ใช้คีย์เวิร์ดเจาะจงพิกัด

ถ้ามองในมุมของผู้บริโภค การใส่คีย์เวิร์ดเพื่อค้นหาสิ่งที่ต้องการ การใส่พิกัดสถานที่เจาะจงลงไปด้วยในการค้นหา จะทำให้สามารถเข้าถึงบริการที่อยู่ไม่ไกลเกินไป อยู่ในระยะที่เดินทางไหว ผู้ประกอบการต้องใช้ประโยชน์จากแนวคิดนี้ โดยการใส่คีย์เวิร์ดที่ประกอบด้วยคำระบุสถานที่ เช่น ธุรกิจร้านนวด ใช้คีย์เวิร์ดว่า ร้านนวด พญาไท จะทำให้เข้าถึงลูกค้าได้ดีขึ้น

  1. ต้องมีการปักหมุดธุรกิจบน Google Map

อย่าลืมสมัคร Google My Business (GMB) เพื่อให้พิกัดของธุรกิจปรากฎบน Google Map และยังเป็นการใส่ข้อมูลพื้นฐานของร้านค้าให้ผู้ใช้บริการสืบค้นได้อย่างง่ายดาย นอกจากนั้นยังเป็นการเพิ่มช่องทางให้ผู้ใช้บริการสามารถรีวิวธุรกิจของคุณให้คนทั่วไปได้อ่าน ถ้าเรานำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ จะได้ดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้เป็นอย่างดี

  1. อัพเดทข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ

การไม่อัพเดทข้อมูลร้านค้าเป็นเหมือนการทำให้ร้านกลายเป็นร้านร้างบนโลกอินเตอร์เน็ต ดังนั้นการหมั่นสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ นอกจากจะส่งผลดีต่อการทำ SEO แล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจดูน่าสนใจและสดใหม่ โดยอาจจะทำได้โดยการเพิ่มเมนูใหม่ ๆ เพิ่มภาพการแต่งร้านให้โดนใจลูกค้าวัยรุ่น หรือการตกแต่งตามเทศกาล สิ่งนี้จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

  1. ทำ Off-page ที่มีประสิทธิภาพ

Off-page ที่ดีสำหรับ Local SEO คือการเชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของท้องถิ่น เช่น กลุ่มข่าวสารของจังหวัด เว็บไซต์รีวิวธุรกิจ สิ่งนี้จะสร้าง backlink ที่ดีเข้ามาที่หน้าเพจของธุรกิจ สร้างการเชื่อมโยงกับลูกค้าได้มากขึ้น และทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้น

  1. สร้างเครือข่ายท้องถิ่นด้วยการรับจัดอีเวนต์ต่าง ๆ

ถ้าเป็นธุรกิจที่สามารถจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ได้ ต้องห้ามพลาดโอกาสนี้เป็นอันขาด เพราะสิ่งนี้เป็นอีกแนวทางในการสร้าง backlink ได้ดีเช่นกัน โดยการรับจัดงานในระดับท้องถิ่นสามารถทำได้หลายอย่าง เช่น งานแต่งงาน งานวันเกิด นอกจากนั้นยังมีโอกาสได้รับรีวิวจากลูกค้าจริงที่มาใช้บริการ มีโอกาสสร้างคอนเทนต์ใหม่ ๆ ได้จากกิจกรรมที่จัดขึ้นอีกด้วย นับเป็นการทำให้ธุรกิจเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

จากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวมาเกี่ยวกับการทำ SEO ในระดับท้องถิ่น คงจะทำให้ธุรกิจที่มีพิกัดกลุ่มเป้าหมายมองเห็นโอกาสในการสร้างกำไรมากขึ้น ผู้ประกอบการทุกท่านสามารถนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้เป็นอย่างดี เพียงแค่นำไปปรับใช้และประยุกต์กับแนวทางการทำธุรกิจของตนเอง เพียงเท่านี้ธุรกิจของคุณจะมีโอกาสทำการตลาดได้ดีกว่าสินค้าเจ้าใหญ่หลาย ๆ ที่

ทำความรู้จัก Local SEO คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร

ปัจจุบันการทำธุรกิจต่างๆ นอกเหนือจากการมีทรัพยากรที่ดีและมีเงินทุนแล้วการทำการตลาดถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของการทำธุรกิจในยุคนี้อย่างเช่นการใช้กลยุทธ์การตลาดในรูปแบบ Local SEO ซึ่งเป็นกลยุทธ์ธุรกิจท้องถิ่นที่สามารถตอบโจทย์ธุรกิจของคุณให้เป็นที่รู้จักและสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยในวันนี้เราจะมาพูดถึงการตลาดรูปแบบนี้กัน ซึ่งจะมีรายละเอียดอย่างไรบ้างนั้น เรามาเช็คกันเลย

ความหมายของ Local SEO?

Local SEO คือกลยุทธ์การทำการตลาดรูปแบบหนึ่งสำหรับธุรกิจท้องถิ่น ( Local Business ) โดยจะมุ่งเน้นการทำ SEO ให้ติดใน Keyword ( คำค้นหา ) เฉพาะพื้นที่ โดยมีจุดประสงค์คือทำให้เว็บไซต์ของคุณเข้าสู่ Search Engine โดยจะเน้นที่การทำ SEO ให้ติด Keyword แน่นอนว่า Local SEO สามารถจำกัดคู่แข่งได้ทั้งในที่ตั้งบริเวณใกล้เคียงหรือในภูมิภาคเดียวกันและยังสามารถกำหนดการค้นหาด้วยภาษาท้องถิ่นได้อีกด้วย

พูดง่ายๆ คือถ้าคุณมีคู่แข่งอยู่ในบริเวณที่ตั้งใกล้เคียงคุณสามารถจำกัดคู่แข่งได้โดยการระบุสถานที่ลงไปให้ละเอียดกว่าร้านที่อยู่ใกล้เคียงให้มากที่สุด เพราะยิ่งคุณระบุได้ละเอียดมากเท่าไหร่โอกาสที่ผู้คนจะมองเห็นธุรกิจของคุณจะยิ่งมากขึ้นเท่านั้นที่สำคัญจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับได้ง่ายขึ้นมากกว่าการทำ SEO ใน Keyword อื่นๆ ที่ต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควร

Local SEO มีประโยชน์อย่างไรบ้าง

• ธุรกิจจะได้รับความน่าเชื่อถือซึ่งมาจากคะแนนรีวิว

• ธุรกิจของคุณหรือที่ตั้งของร้านคุณจะแสดงผลลัพธ์ให้เห็นบน Google Map ซึ่งนี่จะทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายและเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

• ในการทำ Personalized Content ของคุณจะสามารถเจาะลึกเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

• ช่วยให้ธุรกิจหรือเว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Search Engine ได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญดูเป็นธรรมชาติมากกว่าการทำ SEO ในรูปแบบสีดำซึ่งอาจจะโดน Google Spam ได้

ธุรกิจที่เหมาะจะทำ Local SEO Keyword

Local SEO Keyword เหมาะสำหรับธุรกิจที่ระบุสถานที่ตั้งอย่างชัดเจนเข้าใจง่ายทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดกลางหรือธุรกิจขนาดเล็กเพียงแค่คุณระบุขอบเขตของพื้นที่หรือที่ตั้งของธุรกิจให้ชัดเจนซึ่งจะส่งผลที่ดีในการแสดงผลลัพธ์สำหรับการค้นหาบนหน้า Search Engine นั่นเอง

ตัวอย่างของการทำ Local SEO Keyword

สำหรับการทำ Local SEO Keyword มีข้อดีตรงที่ไม่มีการจำกัดความยาวของ Keyword ความหมายก็คือยิ่งคุณระบุให้ละเอียดมากขึ้นเท่าไหร่นั่นก็ยิ่งเป็นผลดีกับธุรกิจของคุณมากขึ้นเท่านั้น ซึ่ง Long – Tail Keyword ก็จะเป็นในรูปแบบของชื่อธุรกิจและตามด้วยชื่อพื้นที่ดังเช่นชื่อร้านอาหารตามด้วยชื่อจังหวัด, ชื่ออำเภอ, ถนนหรือซอยบริเวณใกล้เคียงหรือจะใส่คำอธิบายที่สามารถเข้าใจได้ง่ายเพิ่มเติมเช่นที่จอดรถหรือโปรโมชั่น ซึ่งถ้าหากคุณให้ความสำคัญกับเรื่องนี้แน่นอนว่าธุรกิจของคุณมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกมากมายเลยเชียวล่ะ

และทั้งหมดนี้ก็คือการทำ Local SEO อันเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการทำเอสอีโอที่สามารถช่วยคุณในการทำธุรกิจยุคดิจิตอลได้ค่อนข้างเจาะจงมากยิ่งขึ้น เพราะการทำเอสอีโอให้ดีที่สุดใช่เพียงจะเป็นการพึ่งคีย์เวิร์ดให้ติดเพียงเท่านั้นแต่คุณสามารถที่จะลองใช้ปรับกลยุทธ์รูปแบบอื่นๆ ให้เข้ามาช่วยได้

เคล็ดลับการทำ SEO ง่ายๆ สำหรับมือใหม่

ทุกวันนี้การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าค้นพบง่ายและรวดเร็ว ช่วยให้ธุรกิจยุคใหม่เติบโตและแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยปกติเจ้าของธุรกิจสามารถว่าจ้างนักพัฒนาเว็บและนักการตลาดดิจิทัลที่มีทักษะสูงมาช่วยตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อส่งเสริมจุดแข็งและแก้ไขจุดด้อยเพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการของเว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แต่ถ้าต้องการประหยัดงบประมาณ มีวิธีการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกของ Google เหมาะสำหรับมือใหม่ มีวิธีเพิ่มอันดับด้วยเคล็ดลับง่าย ๆ 4 ข้อ ดังนี้

มือใหม่ต้องรู้ 4 เทคนิคทำอันดับ

1.จัดทำเนื้อหาและเลือกคีย์เวิร์ดให้เว็บไซต์เป็นมิตรกับ SEO

การทำ SEO เป็นกระบวนการทำให้เว็บไซต์ค้นพบง่ายขึ้น การเลือกคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจควรใช้คำหลักที่สอดคล้องกับสินค้าและบริการ ใส่คำหลักลงไปในเนื้อหาบทความและบล็อก โดยเฉพาะการใส่คีย์เวิร์ดหลักในย่อหน้าแรกซึ่งจะไปแสดงบนผลการค้นหา นอกจากนั้นควรตรวจสอบความเร็วในโหลดข้อมูลว่าลูกค้าเป้าหมายค้นหาผลลัพธ์เจอเร็วแค่ไหน แม้แต่มือใหม่ก็สามารถเขียนบทความอย่างมืออาชีพได้หากเลือกคีย์เวิร์ดที่โฟกัสเกี่ยวกับธุรกิจอย่างชัดเจน และจะต้องวิเคราะห์หาไอเดียว่าตั้งชื่อบทความแบบไหนที่ดึงดูดความสนใจมากเป็นพิเศษ ส่วนคีย์เวิร์ดรองที่เกี่ยวข้องควรเลือกคำที่เจาะจงมากขึ้น

2. เขียนบล็อกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การเขียนบล็อกเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SEO เป็นพื้นที่แสดงเนื้อหาที่สนใจบนเว็บไซต์ โดยมีปุ่มแชร์บทความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก เช่น Twitter, ในแชทกลุ่มของเพื่อน ๆ หรือ ทางอีเมล หรือ Facebook เป็นต้น ควรอัปเดตข้อมูลเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งหรือเดือนละ 2 ครั้ง เพราะเนื้อหาบทความเก่า ๆ หรือไม่เป็นที่สนใจแล้วจะไม่ถูกจัดอันดับระดับท็อปเหมือนเดิมอีกแล้ว ผู้คนชอบติดตามบล็อกซึ่งสามารถลิงก์ไปหาเว็บไซต์และโซเชียลมีเดีย การจัดอันดับ SEO ชอบเนื้อหาที่มีรายละเอียดและข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อใช้เป็นช่องทางโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย หากลูกค้าชื่นชอบพอใจ ก็เท่ากับเป็นการชี้ชวนให้ตัดสินใจบริโภคสินค้าและบริการนั้นง่ายขึ้น

3. การสร้างลิงก์ไปยังบทความอื่นที่เกี่ยวข้องกันเป็นประโยชน์มาก

การทำ Backlink เป็นตัวแปรสำคัญ โดยสร้างลิงก์เชื่อมโยงกับบทความที่มีเนื้อหาสัมพันธ์กันในเว็บไซต์อื่นเพื่อให้บทความในเว็บไซต์มีความสมบูรณ์มากขึ้น ช่วยสนับสนุนให้ Google เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์มากขึ้น ควรเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือซึ่งจะสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ของคุณเช่นเดียวกัน ในทางกลับกันเนื้อหาบทความอื่น ๆ จะเชื่อมโยงกลับมายังเว็บไซต์ของคุณเอง นอกจากนั้นยังมีลิงก์ภายในเพจเพื่อเชื่อมโยงเนื้อหากับโพสต์เก่าบนเว็บไซต์ด้วย ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการทำ SEO เพื่อให้ผู้ชมเว็บไซต์ได้รับเนื้อหาครบถ้วนตามความต้องการ

4.ใช้ Pinterest สร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์

คนส่วนใหญ่คิดว่า Pinterest เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ความจริงแล้วยังเป็นเสิร์ชเอ็นจินที่ใช้ประโยชน์ในการทำ SEO ได้เป็นอย่างดี การโพสต์เนื้อหา รูปภาพ และวิดีโอของสินค้าหรือบริการโปรโมทบน Pinterest ทำให้แบรนด์เข้าตาลูกค้าเป้าหมาย พร้อมกับกระตุ้นความต้องการซื้อในทันที ควรสร้าง Backlink ให้ผู้ชมย้อนกลับมายังเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งจะทำให้การจัดอันดับ SEO เลื่อนไปอยู่อันดับแรก ๆ อีกด้วย

มือใหม่ต้องรู้ 4 เทคนิคทำอันดับ

รู้หรือไม่ hosting ดีช่วยเสริมสร้างความสำเร็จของเว็บไซต์ SEO ได้

ปัจจุบันการทำธุรกิจขายสินค้าและงานบริการออนไลน์เป็นสิ่งที่คนทั่วไปคุ้นเคย เรียกได้ว่าการซื้อขายในโลก Internet มีอยู่ตลอดเวลาทั่วทุกมุมโลก ซึ่งในด้านของผู้เป็นเจ้าของกิจการ ก็จำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันเพื่อสร้างสิ่งแปลกใหม่และตรงใจผู้บริโภคอยู่เสมอ และสิ่งที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์นี้ได้ก็คือการพัฒนาเว็บไซต์ SEO ควบคู่กับการเลือก hosting ที่ดีนั่นเอง

รู้หรือไม่ hosting ดีช่วยเสริมสร้างความสำเร็จของเว็บไซต์

การทำ SEO จำเป็นอย่างไร

SEO หรือ search engine optimization เป็นการพัฒนาเว็บไซต์ทางธุรกิจให้มี องค์ประกอบต่าง ๆ ตามหลักเกณฑ์ของ search engine อย่างยาฮู กูเกิ้ล เพื่อให้มีอำนาจในการแข่งขันกับเว็บไซต์อื่น ช่วยให้ถูกจัดอันดับในการสืบค้นจากผู้ใช้เป็นตำแหน่งต้น ๆ อยู่เสมอ เพื่อนำมาซึ่งยอดขายที่น่าพอใจและเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่แบรนด์

ซึ่งการจะเป็นเช่นนั้นได้ ต้องมีการวิจัยและปรับในส่วนของคีย์เวิร์ดที่ใช้ในบทความ การเลือกแนวทางการนำเสนอ content SEO ที่เหมาะสม รวมถึงการปรับในส่วนโครงสร้างเว็บไซต์ และการเชื่อมโยงลิ้งค์ หรือ backlink ให้มีคุณภาพตามที่เว็บไซต์เพื่อการสืบค้นกำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพราะผลการสืบค้นจะมาจากการวิเคราะห์ด้วย algorithm เฉพาะ แบบ real-time ไม่สามารถผูกขาดผลลัพธ์นี้ได้ การทำ SEO จึงเป็นงานต่อเนื่องที่หวังผลในระยะยาวได้ชัดเจน

Hostingที่ดี สำคัญอย่างไร

Hosting เป็นการจ้างบริษัททำการดูแลในส่วนของ server และโปรแกรม software ซึ่งควรเป็นของแท้ถูกลิขสิทธิ์ หรืออาจเป็น software ที่พัฒนาต่อยอดโดยทีมงานของบริษัทเอง มีประสิทธิภาพในการประมวลข้อมูลดิจิตอลด้วยความฉับไว ลดเวลาในการ download ข้อมูล ทำให้ลูกค้าทำการคลิกดูข้อมูล ทำธุรกรรมซื้อขายในโลกอินเทอร์เน็ตด้วยความประทับใจ และ ทำให้มีอัตราการกลับมาใช้บริการซ้ำสูง

การเลือกโฮสติ้งจึงเปรียบเทียบได้กับแม่ค้ารายย่อยที่ต้องเลือกพิจารณาว่าจะเช่าพื้นที่จัดสรรในตลาดนัด การมี hosting ก็เหมือนการมีทีมคอย support ในเชิงระบบ หากมีประสิทธิภาพในเชื่อมโยง link เครือข่ายการสื่อสารดี ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ error บ่อย การอัพเดตหรืออัพโหลดข้อมูลใหม่ ๆ ลงบนเว็บไซต์ก็จะเป็นได้อย่างรวดเร็ว ธุรกิจออนไลน์จึงราบรื่นไม่ติดขัด

ขณะเดียวกัน เมื่อมีปัญหาเชิงเทคนิค เช่น เว็บไซต์ล่ม , server ขัดข้อง ทางบริษัท hosting ก็ต้องมีผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักโปรแกรมเมอร์ ที่ช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า (ซึ่งควรติดต่อได้ง่ายแบบ on-call ตลอดเวลา) ที่สำคัญ คือ มีระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูลจากไวรัส worm และ Hacker ที่แน่นหนาเพื่อรักษาความลับทางธุรกิจและความเป็นส่วนตัวของลูกค้าเว็บไซต์ด้วย

hosting ดีช่วยเสริมสร้างความสำเร็จของเว็บไซต์ SEO ได้

จะเห็นได้ว่า การเลือก hosting ที่ดีช่วยส่งเสริมความเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของลูกค้าในการใช้บริการเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ สอดคล้องกับการทำ SEO ที่ช่วยทำให้เว็บไซต์คุณภาพสูงถูกค้นหาได้ง่ายจาก search engine นักธุรกิจออนไลน์จึงควรให้ความสำคัญในทั้งสองสิ่งนี้ควบคู่กันเสมอ

วิเคราะห์ SEO

ถึงแม้ว่าเครื่องมือที่มีโปรแกรมเมอร์ได้ผลิตออกมาให้กับเหล่านักทำ SEO ได้หยิบมาลองใช้และเช่าบริการกันดู บางโปรแกรมก็จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในอีกหลายโปรแกรมที่เราพบเจอกัน มันไม่ได้ตอบโจทย์ได้อย่างแท้จริงนัก แถมยังพาเราเสียเวลาแก้ปัญหากับเจ้าเครื่องมือโปรแกรมเหล่านั้นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น GSA SER ตัวนี้จะเป็นเครื่องมือสำหรับการทำ Automatic Links เราสามารถสร้างแบคลิ้งค์มหาศาลได้จากเจ้าเครื่องมือตัวนี้

แต่ว่าผลของการทำ SEO นั้นมันไม่ได้วัดผลจากปริมาณลิงค์ว่าแบบไหนมีเยอะกว่าจะได้อันดับดีกว่า แต่มันวัดผลเกี่ยวกับคุณภาพของลิ้งค์และความสัมพันธุ์จากเว็บต้นทางมายังเว็บปลายทางมากกว่า ทำให้คนที่เช่า GSA นั้น นอกจากจะต้องแบกรับค่าเช่าวีพีเอสรายเดือน หรือใครที่ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัวในการเปิดรันโปรแกรมก็จะต้องเสียค่าไฟไปทุกวัน เพราะมันควรจะทำงาน 24 ชั่วโมงถึงจะคุ้มค่า ผลสุดท้าย นอกจากจะไม่ได้รับผลลัพธ์เท่าที่ควรจะเป็น แล้วยังจะต้องมานั่งเสียเวลาแก้เว็บอีกด้วย บางครั้งแก้ลำบากเกินไปเพราะมีลิงค์ขยะเข้าเยอะจนในที่สุดต้องถอดใจไปจนได้ ไม่สามารถที่จะยื้อต่อไปได้อีกแล้วสำหรับเว็บที่โดนยิงสแปมนึงเป็น 10,000 ลิ้ง

ค้นหาวิธีทำอันดับให้เว็บไซต์

เรียนรู้จากแนวคิดในจุดเริ่มต้น

หากเรากลับมาจุดเดิมของการทำเอสซีโอตั้งแต่เริ่มต้นและทำความเข้าใจใหม่ครั้ง จะพบว่าแท้จริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องหาเรื่องเสียเงินในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นจำนวนมากกับพวกเครื่องมือเหล่านี้เลย ยอมออกแรงลงแรงตัวเองนิดหน่อย ทำความเข้าใจ เขียนบทความให้มันเหมาะสม และรู้จักสร้างลิ้งค์ในแบบที่มีคุณภาพ เพียงแค่นี้ก็จะสามารถปั้นให้เว็บไซต์ของเราเติบโตขึ้นได้ในระยะยาวอย่างมั่นคงแล้ว จะคีย์สายขาวหรือสายดำอย่างพวกคาสิโนทั้งหลายก็ทำได้หมด

ในกรณีที่มีผู้อื่นมายิงเว็บของเรา ตรงนี้ก็ต้องรู้จักวิธีการแก้ไขในการถอดลิ้งขยะออก เพื่อไม่ให้เว็บคุณภาพที่เราพยามตั้งต้นมาต้องเสียเปล่าด้วยมือปืนที่คิดจะแซงอันดับเราได้ใช้วิธีโจมตีเว็บไซต์แทนการปั้นเว็บตัวเอง เมื่อเราฝึกด้วยตัวเอง พยายามไม่หาเรื่องเสียตังค์กับเครื่องมือเหล่านี้ ก็จะพบว่าต่อให้เป็นคีย์พนันสิดโหดอย่าง 928BET ก็คงจะไม่ใช่เรื่องยากในการทำอันดับอย่างแน่นอน จำไว้ว่าเรารู้สึกว่ายาก คนอื่นที่ไม่เข้าใจ SEO ก็คิดว่ามะนยากเช่นเดียวกัน เราจะรู้สึกว่าง่ายก็ต่อเมื่อเราเริ่มเข้าใจมันจากประสบการณ์ที่เราทดลองด้วยตัวเอง และมันคือคำตอบเดียวที่จะทำให้เราเก่ง SEO โดยไม่ต้องพึ่ง Tools พิศดารใดๆ

Tools SEO จำเป็นไหม

ถึงแม้เครื่องมือที่จะช่วยในการวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่ง จะช่วยให้การทำ SEO ทำได้สะดวกขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Tools ที่ช่วยในการหาแบคลิงค์หรือที่ช่วยในการวิเคราะห์ OnPage และ OffPage ก็ตาม ประเด็นก็คือเราจำเป็นที่จะต้องเข้าใจหลักการกลไกต่างๆเกี่ยวกับ SEO ให้ดีเสียก่อนที่จะเสียเงินเช่าเครื่องมือเหล่านี้มา เพราะต่อให้เรามีเครื่องมือดีแต่หากขาดความเข้าใจอย่างแท้จริง เงินที่เสียไปและกับค่าบริการรายเดือนต่างๆหรือค่าใช้จ่ายแบบครั้งเดียวในบางโปรแกรมมันก็จะต้องสูญเปล่าอย่างแน่นอน

ก่อนจะซื้อเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการทำพื้นฐานให้ได้ อย่าไปคิดว่าการทำอันดับใน Google จำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือให้ครบครัน ยิ่งใครมีเยอะยิ่งได้เปรียบ ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป คนที่เขามีความสามารถในการทำอันดับเว็บไซต์หลายคนไม่มีเครื่องมือเหล่านี้เลยด้วยซ้ำ ใช้เพียงประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆก็สามารถทำอันดับได้และนั่นคือข้อได้เปรียบของเขา คือต้นทุนที่ต่ำกว่า บางคนไม่มีการลงทุนเน็ตเวิร์คส่วนตัวมาเลยด้วยซ้ำ แบคลิ้งค์ที่ใช้ก็มีแต่ของฟรี ซึ่งวิธีเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทดสอบด้วยตัวเอง จึงจะสามารถรู้ได้ว่าส่วนไหนที่เราสามารถตัดไปได้เพื่อลดต้นทุนในการทำงาน ยิ่งต้นทุนต่ำมากเท่าไหร่ ผลกำไรที่จะได้ก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น มันจะทำให้การทำอันดับเว็บ SEO ไม่เครียด ไม่กดดัน

บางครั้งเรารับงานลูกค้ามาใน Keywords ที่มีการแข่งขันสูง อาจต้องใช้เครื่องมือหลายชนิด หากเรามีประสบการณ์ส่วนตัวก็จะลดต้นทุนเหล่านั้นไปได้ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเอาเงินส่วนตัวไปลงความเสี่ยงเองจำนวนมากๆก่อน แต่หากลูกค้าเลือกที่จะจ่ายเงินก่อนทำงานก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพียงแค่ว่าส่วนใหญ่จะแบ่งจ่ายทำให้นัก SEO หลายคนจะต้องมีการสำรองเงิน เพื่อใช้เกี่ยวกับการทำมันดับไว้ด้วยในเบื้องต้น สำหรับ SEO Tools ต่างๆนั้น เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้อำนวยความสะดวก แต่ไม่ใช่ว่าเรามีครบแล้วจะทำอันดับเว็บได้ดีเสมอไป ต้องเข้าใจข้อนี้ไว้ด้วย

SeoQuake

นานแล้วพักใหญ่ที่ไม่ได้อัพเดท SEO Tools ให้เพื่อนๆ วันนี้ขอกลับมาอัพเดทอีกครั้งตามเดิม จากที่เคยพูดถึงเจ้าเครื่องมือวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งในเรื่องของ Off Page ระดับเทพอย่าง Ahrefs ถึงมันจะเทพแต่ปัญหาตอนนี้คือไม่มีให้ทดลองใช้แล้วจ้า… ต้องเสียเงินเช่ารายเดือนอย่างเดียว แถมราคาก็แสนจะแพงหูฉีก ถ้าไม่ได้ทำ SEO หลายๆเว็บรับรองว่าคงไม่เวิร์คแน่หากจะซื้อเครื่องมือตัวนี้มาใช้งาน คำถามคือ “แล้วมันพอจะมีเครื่องมือใช้ทดแทนกันได้อยู่ไหม” คำตอบคือ “มี” นั่นคือเจ้า SEO Tools ที่ชื่อว่า SeoQuake นั่นเอง เป็นของฟรีที่สามารถใช้วิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งภาพรวมได้ดีอยู่ไม่น้อย ถึงการแกะ Backlinks จะไม่ละเอียดเท่าเครื่องมือ Ahrefs ก็ตาม (ก็นี่มันของฟรีนี่นะ) อย่างน้อยมันก็ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของเว็บไซต์คู่แข่งแบบหน้าจอเดียวเบ็ดเสร็จได้ดีอยู่เหมือนกัน รวมไปถึงใช้ในการวิเคราะห์ว่าคีย์เวิร์คไหนควรทำ คีย์เวิร์ดไหนควรถอย แบบนี้อีกด้วย

มองความแข็งอ่อนของ Keywords ได้ง่ายๆ ด้วย SeoQuake

SeoQuake จุดเด่นมันคือหน้าจอเดียวเบ็ดเสร็จ ปกติแล้วการจะวิเคราะห์คู่แข่งในแต่ละคีย์เวิร์ด เรามักจะต้องเข้าไปแกะรอยทั้ง On Page และ Off Page ของแต่ละเว็บอย่างละเอียด คลิกเข้าทีละเว็บ วิเคราะห์ทีละเว็บ กว่าจะวิเคราะห์เสร็จสักคีย์นึงก็ล่อเป็นชั่วโมงแล้ว เจ้าตัว SeoQuake มันมีหน้าที่แสดงความแข็งแกร่งในภาพรวมของแต่ละเว็บไซต์ในเราดูได้แบบง่ายๆ โดยหลังจากติดตั้งเจ้าเครื่องมือนี้ไว้กับบราวเซอร์ที่ต้องการเรียบร้อย มันจะปรากฎแถบเครื่องมือไว้ในแต่ละเว็บ เข้าเว็บไซต์ไหนมันก็จะมีแถบเครื่องมือโชว์ค่าสกอร์ต่างๆที่อาจส่งผลต่อ SEO ให้เราได้เห็นกัน ถ้าเข้าเว็บทั่วไป ก็มักจะแสดงแค่แท็ปหลักเพียงแท็ปเดียว แต่ถ้าเข้าเว็บ Search Engine แล้วทำการค้นหา มันจะโชว์แท็ปของแต่ละเว็บให้ดู

FIFA55

ยกตัวอย่างในรูปข้างต้น เป็นการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของการทำ SEO ในคีย์เวิร์ด “FIFA55” เป็นกลุ่มเว็บแทงบอลออนไลน์ในเครือของ FIFA55.COM ที่กำลังมาแรงอยู่ตอนนี้ ในกรอบแดงที่ครอบไว้คือแท็ปเครื่องมือ SeoQuake สังเกตุว่ามันจะมีค่าสกอร์ต่างๆรวมไปมากมาย ซึ่งแต่ละค่าถือเป็นสกอร์ที่นักทำ SEO ส่วนใหญ่คิดว่ามีความสำคัญในการทำ SEO อย่างค่า “L” คือค่าจำนวน Backlinks ที่ยิงเข้ามาได้ในหน้าที่ติดอันดับ และ “LD” คือค่าจำนวน Backlinks ที่ยิงเข้ามาในโดเมนหลักของเว็บที่ติดอันดับ ซึ่งสองค่านี้ยิ่งเยอะ เว็บไซต์ก็มีจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และยังมีอีกหลายค่าที่เราจะเลือกให้มันแสดงผลข้อมูลแสรุป เราสามารถเลือกโชว์หรือซ่อนค่าบางอย่างได้โดยตั้งค่าจากในส่วน Parameters ของเครื่องมือ SeoQuake

ค่าที่เห็นไม่ใช่ค่าของทาง Google

โปรดจำไว้ว่า ค่าสกอร์ของแต่ละอย่างบนเครื่องมือ SeoQuake ไม่ใช่ค่าที่ Google เป็นคนคิดขึ้นทั้งหมด อย่าเจ้า L และ LD มันก็เป็นการคำนวนจากเว็บ Semrush เท่านั้น บอทเว็บนี้เก็บข้อมูลมาได้เท่าไหร่ มันก็เอามาแสดงผลแบบนั้นนั่นเอง จึงไม่สามารถฟันธงได้ว่าค่าคะแนนต่างๆที่เกิดขึ้น มันจะส่งผลได้ด้าน SEO มากน้อยแค่ไหน แต่ถึงจะไม่ใช่ข้อมูลที่ Google เป็นตัวคำนวนขึ้น แต่อย่างน้อยก็พอจะทำให้เรามองเห็นภาพรวมว่าเว็บไซต์คู่แข่งได้ผ่านการทำอะไรมาบ้าง คะโดยรวมดีหรือแย่มากแค่ไหน แถมดูง่ายไม่ต้องเสียเวลามานั่งวิเคราะห์ทีละเว๋บด้วย ส่วนเว็บไหนมีสกอร์เยอะผิดปกติ เราค่อยเอามานั่งวิเคราะห์เชิงลึกกันอีกทีก็ยังทำได้

SeoQuake Firefox
>> https://chrome.google.com/webstore/detail/seoquake/akdgnmcogleenhbclghghlkkdndkjdjc

SeoQuake Chrome
>> https://addons.mozilla.org/En-us/firefox/addon/seoquake-seo-extension/

Majestic SEO Tool

นอกจากเว็บไซต์เจ้าพ่อการแกะรอยคู่แข่งอย่าง Ahrefs.com ที่เราได้พูดไปก่อนหน้านี้ ยังมีอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันในเรื่องของการวิเคราะห์ SEO Off Page คู่แข่ง นั่นคือเว็บ Majestic.com จุดเด่นของเว็บ Majestic ที่เว็บวิเคราะห์คู่แข่งแห่งอื่นไม่มี คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของค่าคะแนนหมวดหมู่ โดยคะแนนหมวดหมู่นี้ จะเป็นตัวบ่งบอกว่าเว็บไซต์ที่เรากำลังทำการวิเคราะห์อยู่ มีความเกี่ยวข้องกับหมวดหมู่ใดมากที่สุด ข้อมูลที่โชว์จะเป็นคะแนนตัวเลขซึ่งง่ายต่อการวิเคราะห์ สำหรับคะแนนในแต่ละหมวดหมู่ที่ได้ จะถูกคำนวนมาจากแหล่งที่มาของ Backlinks เป็นหลัก ว่า Backlinks ของเว็บไซต์ที่เรากำลังวิเคราะห์มีแหล่งมาจากเว็บกลุ่มใดบ้างเป็นหลัก เช่น หากเว็บไซต์ที่เรากำลังวิเคราะห์ ได้รับลิงค์ย้อนกลับจากเว็บเกี่ยวกับธุรกิจจำนวนมาก ค่าคะแนนหมวดหมู่ที่ Majestic จะโชว์ออกมาให้เราเห็นก็จะมีคะแนนหมวดหมู่เกี่ยวกับธุรกิจเยอะกว่าหมวดอื่นนั่นเอง ทั้งนี้ คะแนนหมวดหมู่ยังคำนวนมาจากปัจจัยอื่นๆด้วยที่เราไม่ทราบ ทางเว็บไซต์ Majestic.com จะเป็นผู้จัดการตัวแปรที่ใช้ในการคำนวนคะแนนหมวดหมู่เองทั้งหมด

สำหรับข้อมูลอื่นๆที่สำคัญในการวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งผ่าน Majestic.com ก็จะมีคล้ายคลึงกับเว็บไซต์ Ahrefs.com ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของปริมาณ Backlinks ที่มีการเชื่อมโยงเข้ามายังเว็บที่เรากำลังวิเคราะห์ หรือจะเป็นการดูว่ามีการสร้าง Text Links ในคีย์เวิร์ดใดไว้บ้าง อย่างเช่น ผลบอล แทงบอล หวย ปัญหาหลั่งเร็ว หนังโป๊ หรือคีย์เวิร์ดอื่นๆ จะแสดงให้เราเห็นเกือบทั้งหมดโดยปริมาณการสร้างลิงค์ผ่านคีย์เวิร์ดแต่ละคำ จะแบ่งเป็นสัดส่วนให้เราดูได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ เว็บ Majestic ยังมีค่าคะแนน 2 อย่างที่สำคัญมากและนักทำ SEO มักใช้เป็นตัววิเคราะห์ว่าเว็บไซต์นั้นมีความแข็งแกร่งมากน้อยแค่ไหน นั่นคือค่า Trust Flow และ Citation Flow โดย 2 ค่านี้จะมีคะแนนเต็มร้อย ยิ่งเว็บไซต์ไหนมีคะแนน Trust Flow และ Citation Flow มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นตัวสะท้อนว่าเว็บไซต์เหล่านั้นมีความแข็งแกร่งอย่างมาก นักทำ SEO ที่มีการสร้าง Private Blog Network ของตัวเอง มักจะค้นหาโดเมนที่มีค่า Trust Flow และ Citation Flow สูงๆมาสร้าง เพราะมันเป็นตัวบ่งบอกคุณภาพของโดเมนได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว

Majestic ทางเลือกเสริมของคนที่ไม่อยากเสียเงินเช่า Ahrefs

ณ วันที่เขียนบทความนี้ การจะใช้ Ahrefs ในเวลานี้จะค่อนข้างลำบากหน่อย คือเราจำเป็นต้อง Login ผ่าน Facebook หรือ Google Accout เพื่อใช้งาน แต่เท่าที่ผู้เขียนลองใช้ Google Account บัญชีใหม่เชื่อมโยง บางครั้งมันจะไม่สามารถเชื่อมโยงได้ แต่บัญชีที่เคยเชื่อมโยงไว้นานแล้วยังคงใช้ได้ปกติ หรือต่อให้เชื่อมต่อผ่าน Facebook เดี๋ยวนี้เราจะไม่สามารถดูข้อมูลเชิงลึกได้อย่างละเอียดเหมือนเมื่อก่อน ทำให้ผู้ใช้หน้าใหม่อาจจำเป็นต้องเสียเงินใน $7 เพื่อทดลองใช้ 7 วัน หากชอบใจก็ค่อยเช่าต่อยาวๆ หากไม่ถูกใจก็ต้องทำการยกเลิกก่อนที่ระบบมันจะตัดเงินในวันที่ 8 แต่ถ้าเป็น Majestic มันไม่จำเป็นต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก สามารถใช้ฟรีได้ตามจำนวนครั้งที่ลิมิตต่อวัน หากใครไม่อยากเสียเงินเช่าเครื่องมือวิเคราะห์คู่แข่งเหล่านี้ อาจด้วยเหตุผลไม่ได้ใช้งานเยอะ นานๆใช้ที แวะมาใช้ของฟรีที่ Majestic.com ก็ได้ ส่วนถ้าใช้เยอะจะเสียเงินเช่าทั้ง Majestic และ Ahrefs ก็แล้วแต่เราจะสะดวก

Ahrefs

ถึงแม้พวกเครื่องมือช่วยเรื่องการทำ SEO จะมีอยู่จำนวนมาก แต่ตัวที่ชูโรงและดังจนเป็นที่นิยมของผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็คงจะมีอยู่ไม่กี่ตัว ถ้าเราเป็นพวกนักลองเครื่องมือใหม่ๆอยู่ตลอด บางทีเจอเครื่องมือห่วยเยอะๆก็อาจพาเงินหมดกระเป๋าได้ ถ้าเจอตัวที่ถูกใจแล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปเสาะแสวงหาอะไรใหม่ๆจนเกินกำลัง นอกจากเครื่องมือใหม่อันนั้นมีฟังก์ชั่นการใช้งานส่วนที่เรายังขาด ถ้าเป็นแบบนั้นจะซื้อมาทดลองดูก็ได้ จะจ่ายอะไรก็ต้องคิดสักหน่อยเพราะเครื่องมือแต่ละตัวก็ราคาไม่ได้น้อยเลย แถมยังมีโปรแกรมเมอร์สร้างเครื่องมือขึ้นมาใหม่อยู่ตลอดอีกด้วย

Ahrefs เครื่องมือส่องเว็บคู่แข่งที่เยี่ยมที่สุดในตอนนี้

สำหรับเครื่องมือการวิเคราะห์เว็บไซต์ของคู่แข่งเรา ปัจจุบันมีอยู่ไม่กี่ตัวที่ได้รับความนิยมมาก 1 ในนั้นที่ต้องพูดถึงก็คือเจ้า Ahrefs.com เป็นเว็บที่เปิดให้บริการวิเคราะห์คู่แข่งในเชิงสถิติได้อย่างเจาะลึก เน้นไปในเรื่องของ Off Page ซะส่วนใหญ่ เคยสงสัยไหม เว็บที่ติดอันดับหน้าแรกของผลการค้นหาเขามีการทำ Backlinks จากแหล่งใดบ้าง แล้วทำเยอะหรือน้อยในแต่ละวัน มีการส่งลิงค์เข้าไปหน้าไหนของเว็บบ้าง มีการแชร์ใน Social Network ด้วยหรือไม่ ข้อมูลสำคัญเหล่านี้เราสามารถดูได้จาก Ahrefs.com ทั้งหมดเลย เพียงแค่พิมพ์ชื่อเว็บคู่แข่งของเราที่ต้องการจะส่องดู ข้อมูลก็จะโชว์ออกมาในรูปแบบสถิติให้เห็น เรียกได้ว่า เหมือนเข้าประตูหลังบ้านของคู่แข่งเลยก็ว่าได้ เขาทำอะไรเรารู้เกือบทั้งหมด จุดเด่นของเครื่องมือนี้คือเราสามารถรู้ได้ว่าเว็บไซต์คู่แข่งมีการเน้นคีย์เวิร์ดไหนเป็นหลักบ้าง โดยเว็บไซต์ Ahrefs จะมีข้อมูลบอกว่าเว็บไซต์คู่แข่งที่เรากำลังวิเคราะห์อยู่นี้ มีการทำ Backlinks ผ่านคีย์เวิร์ดใดบ้าง มีการเน้นลิงค์ผ่านคีย์เวิร์ดไหนเป็นหลักหรือปล่าว ถ้าหากว่าเราเอาเว็บคู่แข่งที่ติดอันดับหน้าแรกในคีย์เวิร์ดพนันบอลออนไลน์มาวิเคราะห์ผ่าน Ahrefs เมื่อเราทำการตรวจสอบดู พบว่าเว็บคู่แข่งของเราไม่ได้มีการเน้นเฉพาะคีย์เวิร์ดแทงบอลออนไลน์เพียงคีย์เวิร์ดเดียว แต่ยังมีคำอื่นอย่างเช่น ดูบอลออนไลน์ หรือ ปนอยู่ด้วย เราก็เอาคีย์เวิร์ดที่คู่แข่งทำไปดูผลลัพธ์ที่หน้า SERP ว่ามีติดอันดับในหน้าแรกหรือปล่าว หากมีติดอันดับเราก็สามารถมานั่งแกะรอยคู่แข่งในแต่ละหน้าเว็บที่ติดอันดับเพื่อนำมาเป็นแนวทางการทำ SEO ของเราได้ การที่เว็บไซต์คู่แข่งติดอันดับหลายๆคีย์เวิร์ด แปลว่าเขามีการทำ SEO ที่ถูกต้อง เราก็แค่วิเคราะห์การทำผ่าน Ahrefs.com แล้วนำไปใช้กับเว็บของตนแค่นั้นเอง

ที่บอกว่าเกือบทั้งหมดเพราะเป็นไปได้ยากที่บอทของ Ahrefs.com จะเข้าไปตามเก็บข้อมูลแล้วเจอแหล่ง Backlinks ของเว็บคู่แข่งเราทั้งหมด บางเว็บไซต์มันไม่มีสะพานลิงค์ให้บอทไต่ตามเข้าไปจนเจอ ก็จะไม่ถูกนำมาแสดงผลในหน้าสถิติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเว็บจำพวก Competitor Research Tools แหล่งอื่น Ahrefs ถือเป็นอันดับ 1 ของเครื่องมือกลุ่มนี้ มีสถิติโชว์เยอะและละเอียดมากที่สุด ถึงเราจะไม่รู้ข้อมูลทั้งหมดของเรื่อง Off Page เว็บคู่แข่งของเรา แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เราเดาวิธีการที่คู่แข่งใช้พอสมควรแล้ว เราจะทำตามคู่แข่งหรือจะทำวิธีอื่นก็แล้วแต่เราแล้วล่ะ

ค่าบริการของ Ahrefs

ทางเว็บไซต์ Ahrefs จะคิดค่าบริการเป็นรายเดือน ตกอยู่รายๆเดือนละ 3 พันบาทได้ ซึ่งถือว่าแพงพอสมควร แต่เมื่อเทียบกับข้อมูลที่ได้แล้วถือว่าคุ้มมาก การจะเช่ารายเดือนเพื่อใช้ส่องเว็บคู่แข่งเพียงไม่กี่เว็บอาจไม่คุ้มสักเท่าไหร่ ถ้าเรามีเว็บคู่แข่งที่จะนำมาส่องไม่เยอะ จะใช้ฟรีก่อนก็ได้ หลังจากสมัครสมาชิกแล้วจะสามารถค้นหาต่อวันได้ฟรีประมาณ 3 เว็บ แต่ข้อมูลที่แสดงผลบางส่วนจะโชว์ไม่หมด หรืออีกวิธีก็ไปไล่เก็บเว็บเป้าหมายของเรามากสัก 300 เว็บเลย แล้วเสียเงินเช่าสัก 1 เดือน ส่องเว็บทั้งหมดในเดือนเดียว ก็เท่ากับว่าเราเสียค่าส่องเว็บคู่แข่งเพียงเว็บละ 10 บาทเท่านั้นเอง ( 3000 บาท หาร 300 เว็บ ) แถม Ahrefs ยังสามารถให้เรา Export File Url Backlinks คู่แข่งได้อีกด้วย แจ่มมากสำหรับเครื่องมือตัวนี้

บางคนที่มีประสบการณ์ใน SEO อาจจะมีการปกปิดไม่ให้บอทของเว็บไซต์แห่งนี้เข้าไปเก็บข้อมูลได้ ทำให้ข้อมูลจะไม่แสดงผลในเว็บไซต์ Ahrefs เวลาที่เราไปค้นหา หรืออาจจะเจอข้อมูลแค่บางส่วนเท่านั้น นักทำ SEO ที่เลือกปิดบอทเว็บไซต์วิเคราะห์คู่แข่งแนวๆนี้ ส่วนใหญ่จะปิดไม่ให้บอทตามเก็บข้อมูลในเว็บที่เป็น Private Blog Network ของเขา เพื่อป้องกันการโดนสแปมลิงค์หรือโดนรายงานเว็บจากคนที่ไม่หวังดี อย่างไรก็ดี เครื่องมือพวกนี้ อย่าลืมว่าเราดูเว็บคนอื่นได้ คนอื่นก็ดูเว็บเราได้เหมือนกันถ้าไม่ปิดกั้นบอท อย่าไปคิดว่าเราเหนือกว่าคู่แข่งเพราะรู้หลังบ้านของเขาจนประมาทในเส้นทาง SEO ซะล่ะ

Google Analytics

นอกจาก Google จะเป็นผู้ให้บริการ Search Engine อันดับ 1 ของโลกแล้ว เขายังมีเครื่องมือสุดยอดต่างๆให้เจ้าของเว็บไซต์ได้นำมาใช้วิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บตนเองได้อย่างดีอีกด้วย ต้องบอกว่าปัจจุบัน Google ไม่ได้ดังแค่เว็บไซต์ค้นหาอย่างเดียว แต่ยังเป็นเจ้าของเว็บใหญ่อย่าง Youtube ด้วย และบนมือถือระบบแอนดรอยด์เองก็มีเจ้า App Google Play ที่เราคุ้นเคยกัน มือถือแอนดรอยด์ทุกรุ่นจะต้องมีเจ้าแอพตัวนี้ เรียกว่าว่าถ้าเรื่องอินเตอร์เน็ตหรือมัลติมีเดียออนไลน์ทั้งหลาย ต้องยกให้เขาเป็นเบอร์ 1 ในตลาดนี้ของจริง แต่บทความบล็อกนี้จะพูดเฉพาะเรื่องของเครื่องมือเด็ดๆที่ให้นักทำ SEO ได้นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เครื่องมือที่จะพูดถึงกันในวันนี้ก็คือเจ้า “Google Analytics

รู้จักกับ Google Analytics

Google Analytics เปรียบเหมือนพวกเครื่องมือที่ไว้เช็ค Stats ทั่วไป มีการดูปริมาณคนเข้าชมในแต่ละวัน กราฟสถิติ จำนวนคนออนไลน์ การเข้าดูของผู้ใช้งาน ดูว่าหน้าไหนมีคนเข้าใช้งานมากที่สุด เพื่อให้เจ้าของเว็บเน้นเป็นจุดๆไปได้ง่ายยิ่งขึ้น จุดเด่นของ Google Analytics จะเหนือกว่าพวกเว็บ Stats ทั่วไปอยู่หลายข้อด้วยกัน มีลูกเล่นมากมายจนแม้แต่เจ้าของเว็บเองก็คงจะมานั่งเช็คทุกวันไม่ไหว เอาเป็นว่าเอาไว้ดูภาพรวมของเว็บก็พอแล้ว ยกเว้นเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่ต้องการเน้นคุณภาพให้ผู้ใช้งานในระดับสูง การเช็คหน้าเว็บเพจที่กำลังได้รับความนิยม แหล่งที่มาของผู้ใช้ และระยะเวลาออนไลน์ในเว็บไซต์ของผู้ใช้โดยเฉลี่ยต่อ 1 คน ค่าพวกนี้ถือว่ามีความสำคัญมาก หากเรารู้ว่าผู้ใช้ที่เข้ามายังเว็บของเรามาจากแหล่งไหนเป็นหลัก ระยะเวลาการออนไลน์นานหรือเข้าแล้วออกเลย ถ้าเข้าแล้วออกเลย ทำไมถึงเป็นแบบนั้น มันจะเป็นตัวสะท้อนคุณภาพของเว็บเราได้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะให้เราดำเนินการแก้ไขปรับปรุงให้ถูกใจผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าผลลัพธ์ในด้านบวกของ SEO ก็จะตามมา

ส่วนใหญ่นักทำ SEO บ้านเราจะไม่ค่อยได้มานั่งดูละเอียดกับเครื่องมือนี้มากสักเท่าไหร่ ประมาณว่าติดตั้งไว้กลัวตกเทรนเฉยๆ แต่หากเราติดไว้แต่ไม่ได้ใช้งานก็คงไม่มีประโยชน์มากนัก หากเราต้องการประสบผลสำเร็จในการทำเว็บไซต์ให้ถูกใจผู้ใช้งาน อยากให้เว็บของเราดังจนเป็นที่รู้จักในโลกออนไลน์ ก็ควรให้ความสำคัญกับเครื่องมือนี้มากๆ เพื่อที่จะได้จับทิศทางของกลุ่มผู้ใช้ที่ให้ความสนใจเข้ามาในเว็บเราได้ถูกต้อง อย่างเช่น เว็บเราขายสินค้าความงาม แต่กลุ่มผู้ใช้ไม่ได้เข้ามาจากพวกแหล่งซื้อขายสินค้าความงามที่เราไปโปรโมทโฆษณาไว้ตามเว็บต่างๆ แต่ส่วนใหญ่มาจากการค้นหาข้อมูลผ่าน Search Engine ให้พวกบทความที่เกี่ยวกับการดูแลผิว การรักษาสิว อะไรแบบนี้ เราจะได้จับทิศทางได้ง่ายขึ้นว่า ตอนนี้เราควรมาให้ความสำคัญในส่วนหน้าเว็บที่เป็นบทความที่ค้นส่วนใหญ่ค้นหาเจอและเข้ามาชมก่อนเป็นอันดับแรก แถมบางทีเราอาจจะเจอแหล่งที่มาของผู้ใช้ที่อยู่เหนือการคาดเดาได้เช่นกัน หากเว็บข่าวใหญ่ๆเอาข้อมูลเราไปแชร์แล้วมีคนเข้ามาเยี่ยมชม Google Analytics ก็จะคอยแจ้งให้เราทราบได้ทันทีว่าในช่วง 7 วันนี้ ผู้ใช้งานเข้ามาจากแหล่งไหนมากที่สุด เป็นต้น

เห็นประโยชน์มากขนาดนี้ รู้ไหมว่าใช้ฟรีนะจ๊ะ

ถึง Google Analytics จะเป็นเครื่องมือสารพัดประโยชน์ขนาดนี้ แต่อยากจะบอกว่ามันเป็นเครื่องมือที่เปิดให้เราใช้งานได้ฟรีนะ สาเหตุที่ทาง Google ได้พยายามคิดค้นเครื่องมือต่างๆที่เป็นประโยชน์กับเจ้าของเว็บไซต์ เพราะ Google ต้องการให้เว็บมาสเตอร์ทั้งหลายได้พยายามสร้างเว็บไซต์คุณภาพที่ถูกใจผู้ใช้งานมากที่สุด มันเป็นผลดีกับเจ้าของเว็บทุกคน และในทางกลับกัน ก็เป็นผลดีกับ Google ด้วย เพราะ Robot จะไต่เก็บข้อมูลอยู่ตามเว็บไซต์ทั่วโลกแล้วนำมาประมวลผลจัดอันดับเว็บที่หน้าผลการค้นหา หากมีแต่คนผลิตเว็บห่วยแล้วติดอันดับ ผู้ใช้งานเว็บค้นหาก็คงจะทยอยเลิกใช้ Google อย่างแน่นอน เหมือน Search Engine รายย่อยที่เวลาเราค้นแล้วมักจะเจอพวกเว็บเก่าที่โดนปล่อยร้างมาหลายปี ไม่ก็หน้าเว็บเออเร่อแต่กลับมีอันดับ สุดท้ายคนก็จะไม่ใช้บริการเว็บค้นหาเหล่านั้นในที่สุด

เครื่องมือตัวนี้จะมีฟังชั่นก์อยู่ค่อนข้างเยอะ อยากให้เพื่อนๆลองไปเล่นกันดูเองเพราะเป็นเครื่องมือที่มีภาษาไทยรองรับไว้อยู่แล้ว การใช้คงไม่ได้ยุ่งยากอะไรนัก เพื่อให้เราได้ประโยชน์สูงสุดในการผลิตเว็บไซต์คุณภาพออกมาสู่โลกอินเตอร์เน็ต Google Analytics ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามไปเลย