การตลาดออนไลน์ สำคัญกับแบรนด์น้องใหม่ยังไงบ้าง

ในโลกยุคใหม่ การนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนับเป็นเรื่องจำเป็น การแข่งขันบนโลกออนไลน์ที่กว้างใหญ่และขยายไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนับเป็นหนึ่งในเรื่องท้าทายที่แบรนด์น้องใหม่ต้องเผชิญ แต่หากมีการวางแผนที่ดี และทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจะประสบความสำเร็จในตลาดและได้โอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจจะเป็นเรื่องง่ายดาย โดยเจ้าของแบรนด์น้องใหม่จะเห็นความสำคัญของการตลาดออนไลน์ได้เด่นชัดขึ้นจากทั้ง 4 แง่มุมต่อไปนี้

  1. สร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง

ในปัจจุบันลูกค้าให้ความไว้วางใจกับแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและนำเสนอการบริการที่คุ้มค่าและมีการออกแบบมาอย่างเฉพาะตัว ดังนั้นการสร้างแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับแบรนด์ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ตลาด ซึ่งโลกออนไลน์มอบโอกาสและเครื่องมือที่หลากหลายไร้ขีดจำกัดให้ธุรกิจสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ต้องการได้อย่างอิสระ แถมยังใช้งบประมาณน้อยกว่าการประชาสัมพันธ์ในโลกจริงอีกด้วย

  1. เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้าที่มากกว่าบนออนไลน์

หากจะพึ่งพาแค่ลูกค้าที่เดินผ่านมาเจอร้านหรือสินค้าด้วยตัวเองในโลกจริงเพียงอย่างเดียว จะเป็นการเสียโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ไปในทันที เพราะแท้จริงแล้วยังมีลูกค้าอีกมากมายที่โลดแล่นอยู่บนโลกออนไลน์ เจ้าของแบรนด์ต้องเปิดโอกาสให้การเข้าถึงลูกค้าสามารถทำได้กว้างขวางมากขึ้น ต้องใส่ใจกับการตลาดออนไลน์ เช่น การทำ SEO การทำวิดีโอโปรโมทบนโซเชียลมีเดีย ทั้งหมดนี้จะทำให้ได้ปริมาณยอดขายที่ใหญ่กว่าเดิมแน่นอน

  1. สื่อสารกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

การตลาดออนไลน์เป็นการเพิ่มช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้า เพราะลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่ร้านแต่สามารถพูดคุย ถามคำถาม หรือหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้ดียิ่งขึ้น ทำให้แบรนด์สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ความสบายใจและไว้วางใจ และจะทำให้การปิดการขายทำได้ง่ายยิ่งขึ้น

  1. เก็บข้อมูลสถิติทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน

การทำการตลาดออนไลน์จะมีการวัดผลและรายงานผลทางสถิติอย่างชัดเจน เช่น ตัวเลขยอดขาย ยอดรีวิวหรือยอดชมสินค้า และอันดับ SEO ทั้งหมดนี้จะช่วยให้แบรนด์ที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดเห็นภาพรวมของพัฒนาการทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น เห็นพฤติกรรมของลูกค้า เช่นเดียวกันกับการเดิมพันฟุตบอลที่ต้องมีการวิเคราะห์บอลคู่นั้นในเรื่องสถิติ ทำให้การวางแผนยุทธศาสตร์การบริหารธุรกิจทำได้อย่างเข้มแข็งและจริงจัง และจะส่งผลดีกับอนาคตของแบรนด์อย่างแน่นอน

จะเห็นได้จากแง่มุมทั้ง 4 ข้อที่รวบรวมมาว่าการตลาดออนไลน์มีความสำคัญกับการเริ่มต้นทำธุรกิจขนาดไหน ดังนั้นแบรนด์น้องใหม่ห้ามมองข้ามและปล่อยผ่านการทำการตลาดออนไลน์โดยเด็ดขาด เพราะทั้งหมดนั้นอาจหมายถึงการสูญเสียผลประโยชน์มหาศาลไปอย่างน่าเสียดาย แต่ทุกแบรนด์ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ เพราะการลงทุนกับการตลาดออนไลน์ แม้จะใช้งบไม่มาก แต่สามารถคาดการณ์ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่อาจเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของ   แบรนด์ได้เลยทีเดียว

ทำความรู้จักกับ SEO ตัวช่วยสุดปังสำหรับเว็บไซต์สุดฮิต

การทำเว็บไซต์ให้ประสบความสำเร็จในยุคปัจจุบัน สามารถวัดได้จากปัจจัยหลากหลายอย่างหนึ่งในนั้นก็คือการที่มีผู้เข้าชมเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง มีการสนใจเนื้อหาภายในเว็บไซต์ แชร์ต่อ และกดเข้ามารับชมซ้ำ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมาย โดย SEO ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เว็บไซต์มีความปังมากกว่าที่เคย

เริ่มต้นที่มาทำความรู้จักกับ SEO หรือ Search Engine Optimization กันก่อน ความพิเศษของการทำ SEO คือช่วยทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จนสามารถติดลำดับการค้นหาที่ดีของหน้าการค้นหา เรียกได้ว่าเป็นเป้าหมายอันดับแรก ๆ ของการทำเว็บไซต์เลยก็ได้อย่าง

การทำ SEO นั้นจำเป็นต้องมีการทำอย่างถูกวิธี ทำอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม ด้วยการวางแผนการทำ SEO ด้วยการเลือกใช้คำสำคัญหรือ keyword อย่างเหมาะสม เลือกคำสำคัญที่ผู้คนเลือกใช้ในการค้นหา เนื้อหาต่าง ๆ ที่ต้องการนำเสนอในหน้าเว็บไซต์ ซึ่งถ้าหากว่าไม่มั่นใจให้ลองไปค้นหา ตรวจสอบกับทาง google ก่อนได้ว่ามีความคุ้มค่ามากเพียงพอที่จะเลือกมาเป็นคำสำคัญชุดหลักหรือไม่

เมื่อเริ่มต้นทำ SEO แล้วเว็บไซต์มีการติดอันดับที่ดี มีอันดับอยู่ในหน้าการค้นหาต้น ๆ ถ้าหากว่ามีการหยุดทำ SEO ไปอันดับในหน้าการค้นหาก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ไม่ใช่ว่าจะติดอยู่ในอันดับต้น ๆ เสมอไป ความสม่ำเสมอและการนำเนื้อหาที่มีคุณภาพตามเกณฑ์ของทาง google จึงเป็นสิ่งที่จำเป็น

นอกเหนือจากการทำเนื้อหาแบบ SEO แล้วก็ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมายที่มีผลดีต่อเว็บไซต์ ยกตัวอย่างเช่นการตั้งชื่อ URL ที่เป็นคำสำคัญ มีความชัดเจนสอดคล้องกับเนื้อหา การใส่ Alt Text ที่มีคำสำคัญ ตรงกับเนื้อหา บรรยายได้ไม่เกิน 100 ตัวอักษร เน้นความชัดเจน

การพัฒนาและปรับปรุงการทำ SEO สามารถทำได้โดยการปรับปรุงองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการโหลดเว็บไซต์จากหน้าการค้นหา การค้นหาคำสำคัญที่มีประสิทธิภาพ มีความสะดวกสำหรับการเข้าดูเนื้อหาผ่านการใช้สมาร์ทโฟนรุ่นต่าง ๆ และเนื้อหาที่นำไปลงในเว็บไซต์นั้นควรต้องเป็นบทความที่เขียนขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ไปคัดลอกมาจากที่อื่น พูดง่าย ๆ ก็คือทางเว็บไซต์เป็นเจ้าของเนื้อหาหรือบทความนั่นเอง

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงรู้จักกับ SEO มากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การศึกษาเรียนรู้ รายละเอียดขั้นตอน วิธีการทำ ประโยชน์และอื่น ๆ อีกมากมาย เป็นหนึ่งในแนวทางที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจที่มีหน้าเว็บไซต์สามารถเติบโตได้มากขึ้นในอนาคต ทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เพิ่มฐานลูกค้าและเป็นการทำตลาดที่มีความคุ้มค่า เข้าถึงและตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคได้ทุกช่วงเวลา

หนทางสร้างอาชีพนักขายของออนไลน์ ด้วยการปั้น SEO วิธีง่าย ๆ ทำได้ด้วยตัวเอง

ต้องยอมรับว่า โลกในยุคปัจจุบันคือโลกแห่งออนไลน์ ทุกสิ่งอย่างสามารถเกิดขึ้นและดับลงได้ด้วยปลายนิ้ว บนโทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียว ช่องทางการสร้างอาชีพหรือหาเงินเลี้ยงปากท้องก็เช่นเดียวกัน จากสมัยก่อนที่ต้องดิ้นรนนอกบ้าน ปัจจุบันอยู่บ้านอย่างเดียว ก็สามารถหาเงินจากช่องทางออนไลน์ได้ไม่อยาก

อาชีพนักขายของออนไลน์ จึงกลายมาเป็นอาชีพยอดฮิตที่หลายคนเลือก มีทั้งทำแบบอาชีพเสริมหาเงินเพิ่ม หรือบางคนยึดเป็นอาชีพหลักเลี้ยงครอบครัวเลยก็ว่าได้ แต่ยิ่งคนทำมากเท่าไร คู่แข่งในอาชีพขายของออนไลน์ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น วิธีการเดียวที่จะทำให้เหนือกว่าคู่แข่งขันคือ ต้องทำให้ลูกค้าติดใจ และเลือกซื้อเฉพาะของเราเท่านั้น อีกประเด็นคือ ต้องสร้างฐานลูกค้ารายใหม่ที่ยังไม่เคยซื้อ ให้เขาตัดสินใจเลือกซื้อของเรา

ด้วยเหตุนี้ การทำ SEO จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่นักขายของออนไลน์ จำเป็นต้องรู้ และต้องทำให้เป็น เพื่อช่วยดึงลูกค้ารายใหม่ และคงอยู่ของลูกค้ารายเก่า การทำ SEO หรือที่เรียกกันในวงการออนไลน์คือ Search Engine Optimization คือ กระบวนการค้นหาเว็บไซต์ผ่านแพลตฟอร์มอย่างเช่น Google เพื่อนำไปสู่เว็บไซต์ที่ต้องการค้นหา หากนักขายสามารถสร้างเว็บไซต์ให้ติดอันดับแรกหรือต้น ๆ ของการค้นหา ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น เพราะถือเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ จนนำไปสู่ความต้องการซื้อของลูกค้า และท้ายที่สุดคือ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง

โดยปกติแล้ว หากเป็นธุรกิจหรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีกำลังทุนทรัพย์มากพอ ก็จะมีการจ้างเหล่าพวกบริษัทเอเจนซี่โฆษณาต่าง ๆ เพื่อดำเนินการแผนการตลาดรวมถึงการสร้าง SEO นี้ด้วย แต่หากเจ้าของธุรกิจออนไลน์ทั้งหลาย อยากจะลงมือทำด้วยตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลาในการสร้าง ดังนั้นเจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องมีความสม่ำเสมอในทำอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจากวิธีการง่าย ๆ 2 ตัวหลักจำเป็น ดังนี้

1. แผนการตลาดสำคัญ

ต่อให้ธุรกิจจะขนาดเล็กมากเพียงใด แต่ขึ้นชื่อว่าธุรกิจแล้ว จำเป็นต้องมีแผนการตลาดเสมอ ไม่ใช่แผนเฉพาะด้านเพื่อมุ่งเพิ่มยอดขายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแผนดิจิตอลบนเว็บไซต์ด้วย หากลงมือทำเองก็ต้องกำหนดขอบเขตเวลาให้ชัดเจน เช่น ใน 1 เดือนต้องเปลี่ยน Keyword กี่ครั้ง มีผลรายงานการทำ SEO หรือต้องใช้ Keyword คำไหนที่จะค้นหาได้ง่ายขึ้น เป็นต้น

2. Keyword คือแผนนำทาง

การกำหนด Keyword เพื่อการค้นหา ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำผู้ค้นหาไปยังเว็บไซต์ของเรา ฉะนั้น การเลือกใช้ Keyword จำเป็นต้องเป็นคำที่เหมาะสม เกี่ยวข้องกับธุรกิจ และเป็นคำที่นิยมค้นหากันในปัจจุบัน

นอกจากหัวใจ 2 ข้อข้างต้นแล้ว การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จ ยังจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น หน้าเว็บไซต์ ต้องปัง ค้นหาง่าย มีลิงค์เชื่อมโยงระหว่างกัน ที่สำคัญต้องอัพเดทข้อมูลอยู่เสมอ หรือจะเป็นในเรื่องของคอนเทนต์ ที่อ่านแล้วต้องชวนดึงดูดความน่าสนใจ มีข้อมูล เนื้อหาสาระ และความบันเทิงที่ครบถ้วน เป็นต้น

Content creator ต้องรู้ บทความที่ถูกหลัก SEO ดึงคนเข้ามาอ่าน

Content creator นักเขียนบทความหรือคนที่ทำหน้าที่นำเสนอเนื้อหาอย่างมีคุณภาพและน่าสนใจ จำเป็นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้ SEO หรือเรียกว่าเป็นกระบวนการที่ทำให้มีผู้คนเข้ามาชมเว็บไซต์มากขึ้นโดยใช้ Keyword เป็นตัวชักนำแบบที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการโปรโมต ดังนั้นเราไปดูกันว่าบทความที่ถูกหลักไวยากรณ์และ SEO เป็นอย่างไรและมีขั้นตอนยากหรือไม่

ความหมายของบทความ SEO

คือ บทความที่ถูกหลักการตลาดทำให้เหล่านักท่องโลกออนไลน์เข้าถึงข้อมูลได้มากที่สุด โดยจะเป็นการนำ Keyword ที่ได้รับการค้นหาบ่อยมาปรับแต่งทำให้มียอดผู้ชมเว็บไซต์มากขึ้น โดยไม่ต้องเสียเงินโปรโมตมากมายนักเว็บก็สามารถติดอันดับได้แล้ว

ขั้นตอนของการเขียนบทความ SEO

1. Keyword คือสิ่งสำคัญ

ในการเริ่มต้นเขียนเนื้อหาขึ้นมา อยากให้คุณลองมองในมุมของคนที่ต้องการหาข้อมูลว่า จะเสิร์ชหาในประเด็นไหน อยากรู้เรื่องอะไร แน่นอนนั้นเป็นที่มาของการเลือกใช้ Keyword ที่หมายถึงคำที่มีการค้นหาบ่อยที่สุดในกูเกิ้ล ซึ่งสามารถดูยอดการค้นหาว่ามีเรทติ้งต่อเดือนที่เท่าไหร่ โดยมีเครื่องมือต่าง ๆ บนอินเทอร์เน็ตอย่าง Google Keyword Planner (External Link) เต็มไปด้วย Keyword มากมายพร้อมบอกรายละเอียดทั้งหมด ถือเป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาเนื้อหาให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย

2. จำนวนการใส่ Keyword ในบทความ

การเลือกใช้ Keyword ในหนึ่งบทความมีได้มากกว่า 1 คำ แต่ต้องมีการควบคุมจำนวนหรือความหนาแน่นในการใส่คีย์ลงไปในบทความด้วย แนะนำว่าควรใส่คีย์เริ่มต้นที่ 2% และไม่เกิน 4%

3. ความยาวของเนื้อหาไม่เกิน 2000 คำ

ในงานวิจัยได้กล่าวไว้ว่า Google ให้ความสนใจกับบทความที่มีตั้งแต่ 600 คำขึ้นไป มากสุดไม่เกิน 2,000 คำ เพราะถือเป็นเนื้อหาเชิงลึก

4. Meta Description จำเป็นไม่แพ้ Keyword

หากคุณต้องการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรสามารถบอกผ่าน Meta Description ประโยคสั้น ๆ สรุปใจความว่าเว็บไซต์กำลังนำเสนออะไร พร้อมมี Focus Keyword หรือวลีที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเนื้อหาของคุณโดยตรง สำหรับกระบวนการทำงานจะไม่วางไว้ต้นประโยค เพราะอาจทำให้กูเกิ้ลมองว่าเน้นการโปรโมตมากเกินไปและทำให้เนื้อหาไม่เป็นธรรมชาติ

5. รูปภาพประกอบในบทความ

รูปภาพมีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่ในการตั้งชื่อภาพควรมี Keyword ด้วยมีความหมายสอดคล้องกับเนื้อหาในบทความด้วย

สำหรับใครที่กำลังอยากทำคอนเทนต์ลงเว็บไซต์และอยากเพิ่มความพิเศษให้บทความเหล่านั้น การเลือกใช้ SEO เข้ามาช่วยเพิ่มการเข้าถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากทีเดียว นอกจากจะทำให้เว็บไซต์มีคนเข้าถึงเยอะขึ้นแล้ว ยังไม่ต้องเสียเงินค่าโปรโมตอีกด้วย อย่างไรก็ตามควรนึกถึงคุณภาพของเนื้อหาด้วย เพื่อให้ผู้อ่านได้ความรู้มากที่สุด

keyword research ทองคำฉบับสมบูรณ์

ด้วยไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันมีความเกี่ยวพันกับ Social media, Search engine และ e – Commerce จนเป็นเรื่องปกติ การเข้าถึงลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายในโลกออนไลน์จึงเป็นทางเลือกที่มีความจำเป็นต่อธุรกิจทุกภาคส่วนและ keyword research เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนธุรกิจในโลกออนไลน์ได้

keyword research คือ ขั้นตอนในการค้นคว้า “คำค้นหา” ที่ดีที่สุดเพื่อนำมาใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์คุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยคำค้นหาที่ดีควรมีลักษณะ ดังนี้

  • มีจำนวนการค้นหาเยอะ
  • มีความสามารถในการแข่งขันได้

ทั้งนี้ ลักษณะของคำค้นหาที่ดีเพียงอย่างเดียวไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คอนเทนต์มีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ เนื่องจากคำค้นหาที่ดีควรถูกนำมาใช้ในบริบทที่เหมาะสม ผู้ใช้งานจึงควรทราบถึงประเภทของคำค้นหาเพื่อให้ทราบถึงความเหมาะสมในการนำไปใช้งานต่อไป โดย Keyword ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ

  1. Seed Keyword หรือ คำค้นหาทั่วไป ไม่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น กระโปรง, กางเกง, รองเท้า หรือกระเป๋า เป็นต้น คำเหล่านี้ถูกนำมาใช้ในการเรียกชื่อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ในคอนเทนต์
  2. Niche Keyword หรือ คำค้นหาที่มีความเฉพาะเจาะจง เช่น กระโปรงสั้นลายสก็อต, กางเกงขายาว, รองเท้าคัชชู หรือกระเป๋าสะพายข้าง เป็นต้น คำเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายมักใช้ในการค้นหาข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจ
  3. Niche Long Tail Keyword หรือ คำค้นหาที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย เช่น กระโปรงสั้นลายสก็อตสีแดง ราคา, กางเกง dickies กระบอกใหญ่ หรือกระเป๋าสะพายข้าง Nike เป็นต้น คำค้นหาเหล่านี้มักนำไปสู่การตัดสินใจซื้อสินค้า หรือบริการของกลุ่มเป้าหมาย

โปรแกรมหา keyword คือ เครื่องมือที่ถูกออกแบบมาการทำ keyword research ง่ายขึ้น โดยการทำงานของ Keyword tool จะทำการดึงข้อมูลจาก Search engine และ e-commerce มาเก็บรวบรวมเอาไว้ จากนั้นจะแสดงผลการวิเคราะห์คำที่ผู้ใช้งานต้องการว่าเป็นคำค้นหาที่ดีหรือไม่และมีคำค้นหาอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงกันสามารถนำไปใช้งานแทนได้ ซึ่งโปรแกรมหา keyword ฟรี ได้แก่

  • keywordtool.io เว็บไซต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหา Niche Long Tail Keyword ได้ดีมากและยังมีฟังก์ชันแยกหมวดหมู่ Search engine และ e-commerce ให้เลือกเพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในการใช้งานฟรีเว็บไซต์จะไม่แสดงจำนวนการค้นหาและความยาก – ง่ายในการแข่งขัน แต่ผู้ใช้งานจะได้ไอเดียคำค้นหาที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น
  • ahrefs.com/keyword-generator โปรแกรมหา Keyword ฟรี ที่ช่วยบอกจำนวนการค้นหาในแต่ละวันและมีฟังก์ชัน Search engine และ e-commerce ยอดนิยมให้เลือกเพื่อความแม่นยำ ทั้งนี้ หากเป็นเวอร์ชันฟรีหากไม่มีการค้นหาคำที่เราต้องการทำ Research ในวันนั้น ๆ โปรแกรมจะไม่แสดงผลลัพท์ให้เห็น
  • neilpatel.com/ubersuggest โปรแกรมหา Keyword ฟรีได้ 3 ครั้งต่อวัน แสดงผลลัพท์ครอบคลุมทั้งจำนวนที่ถูกค้นหาและความยาก – ง่ายในการแข่งขัน เหมาะสำหรับใช้งานควบคู่กับ keywordtool.io แต่โปรแกรมนี้ไม่สามารถเลือก Search engine และ e-commerce ได้

โดยสรุป หากต้องการทำคอนเทนต์ที่มีคุณภาพด้วย Keyword ทองคำ ควรเริ่มต้นด้วยการลิสรายการคำค้นหาที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ จากนั้นนำไปเช็คใน โปรแกรมหา keyword อย่าง keywordtool.io หรือ ahrefs.com/keyword-generator ก่อนและจึงนำคำที่คิดว่าน่าสนใจไปหาความยาก – ง่ายในการทำอันดับใน neilpatel.com/ubersuggest เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ได้ Keyword ทองคำอย่างที่ต้องการ

seo website

Search Engine Optimization เป็นเทคนิคในการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาจาก Search Engine การที่เว็บไซต์ของเราติดหน้าแรกของการค้นหาได้นั้น จะส่งผลดีต่อธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก

สำหรับการทำ SEO ของเว็บไซต์ต่าง ๆ นั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นที่นิยมก็คือการใช้คีย์เวิร์ด (Keyword) เป็นตัวช่วยในการทำให้ผู้คนพบเจอเว็บไซต์ของเรา โดยการใช้คีย์เวิร์ดนั้นจะนำไปแทรกไว้ในส่วนต่าง ๆ ของการเขียนบทความ รีวิว การนำเสนอข้อมูลผลิตภัณฑ์ เป็นต้น เพราะเวลาที่คนเราต้องการสืบค้นข้อมูลเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ก็จะใช้การพิมพ์คำสั้น ๆ เพื่อค้นหาลงใน Search Engine จากนั้นระบบก็จะประมวลผลแสดงบทความที่ตรงกับคำค้นหานั้นขึ้นมา หากเราสามารถทำให้บทความหรือเว็บไซต์แสดงผลได้ในหน้าแรกของการค้นหา โอกาสในการขายสินค้าและบริการก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าหากเว็บไซต์ของเราไม่ถูกค้นพบก็ไม่ต่างอะไรกับการที่มีหน้าร้านแต่ไม่มีผู้คนเดินผ่าน

เทคนิคการเขียนบทความเพื่อส่งเสริม SEO

ในการเขียนบทความเพื่อการทำ SEO นั้น จำเป็นต้องรู้เทคนิคที่แตกต่างจากบทความทั่วไป ดังนี้

  1. ทุกบทความต้องกำหนดคีย์เวิร์ด คีย์เวิร์ดเปรียบเสมือนกุญแจดอกแรก ที่จะเปิดประตูต้อนรับผู้ชมเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา หากบทความไม่มีคีย์เวิร์ด ก็เหมือนการเดินทางที่ไม่มีการกำหนดเส้นทาง ซึ่งจะทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย
  2. ต้องวิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้ดี การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ การเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่มีผู้คนหามาก จะทำให้มีโอกาสเข้าถึงผู้คนได้มาก ตรงกันข้ามหากเลือกคีย์เวิร์ดที่มีผู้ค้นหาน้อยเกินไป อาจจะเป็นการเสียเวลาสร้างบทความไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะจะไม่มีใครพบบทความของเราเลย
  3. เนื้อหาครอบคลุม เป็นประโยชน์ นอกจากคีย์เวิร์ดแล้ว สิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจก็คือเนื้อหาของบทความ ที่ต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน สามารถแก้ข้อสงสัยได้ หากบทความมีเนื้อหาที่ไม่น่าสนใจ ไม่มีประโยชน์มากพอ ก็จะทำให้ผู้ชมไม่ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ของเรา

การทำ SEO สำคัญกับการทำเว็บไซต์อย่างไร

การที่เราสร้างเว็บไซต์ขึ้นมานั้น สิ่งที่ต้องการก็คือมีผู้ชมเข้ามาสู่เว็บไซต์ของเราให้มากที่สุด เพื่อโอกาสในการสร้างรายได้จากช่องทางออนไลน์ และนี่คือความสำคัญของ SEO ต่อเว็บไซต์

  1. เป็นช่องทางนำผู้คนมาสู่เว็บไซต์
  2. เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทางธุรกิจ
  3. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก
  4. วางแผนการตลาดในอนาคตได้ผ่านการเก็บข้อมูลผู้ชม
  5. ประหยัดงบประมาณในการลงโฆษณา หากเราสามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาหน้าแรกในเสิร์ชเอ็นจิ้น เช่น Google หรือ Bing เป็นต้น

จากเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่าการทำ SEO นั้น มีความสำคัญต่อการสร้างเว็บไซต์เป็นอย่างมาก หากเราสามารถทำได้ โอกาสทางธุรกิจก็จะเติบโตได้อย่างไม่หยุดยั้งในโลกออนไลน์

ออกแบบเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับผลิตภัณฑ์

ปัจจุบัน SEO ในหน้าเว็บไซต์สามารถสรรหาคำใกล้เคียงได้โดยไม่ต้องเน้นคำศัพท์หรือคำเฉพาะทาง เช่น อาหารหมากับอาหารสุนัข เนื่องจาก Google สามารถบอกได้ว่าเป็นคำใกล้เคียง นอกจากการสรรหาคำในการทำ SEO แล้ว ยังมีวิธืการอื่น ๆ ในการทำ SEO อย่างมากมาย

ในเรื่องความสำคัญของ title หรือชื่อหน้าเว็บไซต์ สมมติว่า เว็บไซต์ของคุณชื่อ อาหารหมา.com คุณอาจจะมีหน้าหนึ่งในเว็บไซต์ โดยเขียนคีย์เวิร์ดไว้ว่า อาหารสุนัขสำหรับพันธุ์ไทย ที่ต้องให้ความสำคัญกับ title หรือชื่อหน้าเว็บไซต์เพราะว่าเป็นข้อมูลแรกที่ Google ทำความเข้าใจว่า คนที่ค้นหาต้องการอะไร และจะได้รับประโยชน์อะไรจากหน้านี้

การเขียน content คนส่วนมากจะบอกให้เขียนจำนวน 500 หรือ 700 คำ แต่ทางที่ดีแนะนำให้เขียนจำนวน 1200 ถึง 1500 คำ เพื่อป้องกันคู่แข่งแย่งอันดับเว็บไซต์หรือถ้ามีคู่แข่งเยอะจริงก็ให้เขียนเป็น 2000 หรือ 3000 คำ ต่อหน้าหรือต่อบทความก็มีโอกาสติดอันดับ สำหรับกรณีถ้าคิดว่าการเขียน content มีจำนวนคำที่มากเกินไป แนะนำให้แบ่งเป็นหัวข้อย่อย เช่น จากหัวข้ออาหารสุนัขพันธุ์ไทย มีหัวข้อย่อยเป็น วิธีเลือกสุนัขพันธุ์ไทย ข้อแนะนำให้อาหารสุนัขพันธุ์ไทย อาหารสุนัขพันธุ์ไทยเลือกได้ในตลาดทั่วไป เพียงเท่านี้คุณก็จะมี 3 หัวข้อแล้ว อย่าลืมกำหนดความสำคัญด้วย H1, H2, H3 เพื่อลำดับความสำคัญของหัวข้อ

ใส่รูปภาพประกอบบทความเสมอ

หากคิดว่าบทความที่เขียนไปไม่ดีพอเมื่อเทียบกับคู่แข่งในคำค้นหาเดียวกัน สิ่งที่ทำได้ คือ เพิ่มเติมด้วยการใส่รูปภาพประมาณ 4 รูป ในแต่ละหัวข้อย่อยพร้อมกับคำอธิบายรูปภาพที่เป็นคำค้นหา เช่น ภาพแรก มีคำอธิบายว่า อาหารสุนัขพันธุ์ไทย ภาพที่สอง คู่มือเรื่องอาหารสุนัขพันธุ์ไทย ภาพที่สาม ข้อแนะนำการให้อาหารสุนัขพันธุ์ไทย เพียงเท่านี้ก็เป็นการบอก Google แล้วว่ารูปภาพแต่ละรูปเกี่ยวข้องกับหัวข้อหลักอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้น การมีบทความยาวพร้อมรูปภาพประกอบก็จะช่วยในการจัดอันดับได้ดี สำหรับกรณีทำเว็บ ทีเด็ดบอลวันนี้ รูปควรประกอบด้วย ทีมทั้งสองพบกัน และสถิติเพื่อสื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพรวม จะเข้ากับเนื้อหาได้ดีขึ้น

หากคุณได้ทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว แต่ปรากฏว่าตำแหน่ง Google ไม่เปลี่ยนเลย แนะนำให้คุณสร้างวิดีโอ อาจจะทำภาพเป็น Slide หรือ PowerPoint แล้วพิมพ์สรุปเนื้อหาที่คุณเขียนบทความอีกที หรือถ้าไม่อายกล้อง อาจจะหยิบมือถือมาถ่ายตัวเองเพื่อพูดแบบไม่ต้องยาวก็ได้ ประมาณ 1 ถึง 5 นาที แล้วนำมาลงเว็บไซต์

นี่คือแนวทางที่เราแนะนำ เพื่อสร้างรายได้ทางเว็บไซต์ในระยะยาวดังกล่าวข้างต้น รับรองได้เลยว่ามีข้อมูลให้ Google มากกว่าเว็บไซต์ทั่วไป ดังนั้น จึงส่งผลทำให้มีโอกาสติดอยู่ในตำแหน่งได้ ในทางตรงข้าม ถ้ามีการรอ 3 – 6 เดือน แล้วเว็บไซต์ไม่ขึ้นอันดับอย่างที่ต้องการ แนะนำให้จ้างผู้ให้บริการทำ SEO ก็จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับคุณได้นั่นเอง

ทำไม จึงแนะนำให้นักธุรกิจออนไลน์ทำเว็บไซต์ SEO

ในปัจจุบัน การทำ SEO หรือ Search Engine optimization เป็นหนึ่งในเทคนิคการทำให้เว็บไซต์ถูกประชาสัมพันธ์ในอันดับต้น ๆ บนหน้าต่างการสืบค้นของ search engine อย่าง Yahoo และ Google ด้วยการปรับปรุงด้านคุณภาพบทความ ภาพประกอบ สื่อมัลติมีเดีย โครงสร้างของเว็บไซต์และการสร้างลิ้งค์เชื่อมโยงจากภายนอก ฯลฯ

การทำเว็บไซต์ SEO จะมีประโยชน์อย่างไร จึงทำให้เป็นที่นิยมสำหรับนักธุรกิจออนไลน์ทั่วโลก เราได้รวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว

ทำไม จึงแนะนำให้นักธุรกิจออนไลน์ทำเว็บไซต์

ช่วยประหยัดต้นทุนค่าโฆษณา

การทำ SEO อย่างต่อเนื่อง จะทำให้คุณไม่ต้องเสียค่าโฆษณาใด ๆ แตกต่างจากการจ่ายเงินแบบ Pay per click ที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องจ่ายเงินทุกครั้งที่มีการคลิกเข้าไปผ่านลิงค์ที่ฝากโฆษณาไว้กับ Google หรือ Yahoo และด้วยระบบอินเตอร์เน็ต คุณจึงสามารถขยายตลาดไปทั่วโลกได้ โดยที่คุณไม่ต้องลงทุนนั่งเครื่องบินไปทำการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ

เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์

มีการวิจัยว่าเว็บไซต์ร้านค้าที่อยู่ในอันดับ Top 1-5 จะมียอดการจำหน่ายสูงกว่าร้านที่อยู่อันดับล่างลงมา เนื่องจากผู้ซื้อมีความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าที่จะได้มากกว่า จึงทำให้เพิ่มโอกาสในการขายมากยิ่งขึ้น แม้ผู้ซื้ออาจจะไม่เคยรู้จักแบรนด์คุณมาก่อนแต่ก็มีความเชื่อมั่นจากการสืบค้นผ่าน Search Engine เหล่านี้ และหากผู้ซื้อค้นพบเว็บไซต์ของคุณอยู่เรื่อย ๆ ในอันดับต้นก็จะยิ่งมีความเชื่อมั่นและซื้อซ้ำในครั้งที่ 2 3 4 เรียกว่า Repeat Business กลายเป็นลูกค้าประจำในระยะยาวได้

ได้ลูกค้าที่ตรงเป้าหมาย

ลูกค้าที่มาจากการสืบค้นใน Google Yahoo จะมีการใช้ keyword ที่สัมพันธ์กับบทความของคุณที่นำเสนอสินค้าไว้ ดังนั้นย่อมมีโอกาสที่จะได้ลูกค้าที่ตรงกับเป้าหมายของคุณมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนิยมใช้ Long-tailed keywords (คีย์เวิร์ดที่มีส่วนขยาย) ในการค้นหา เช่น ร้านขายคอมพิวเตอร์ ราคาถูก พัทยา เป็นต้น ผู้ทำเว็บไซต์ก็ต้องศึกษาให้มากขึ้นด้วย

โอกาสขายมีตลอดเวลา

แม้ว่าคุณจะไม่ได้อยู่หน้าจอตลอด 24 ชั่วโมง แต่ก็สามารถมียอดขายตลอดเวลาได้ เพราะ Search Engine จะใช้ระบบอัลกอริทึ่มหรือ AI (Artificial Intelligence) ประมวลผลอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น PANDA HUMMINGBIRDS ฯลฯ เพื่อนำเสนอเว็บไซต์คุณให้ปรากฏแก่ลูกค้าที่สืบค้นได้อย่างรวดเร็ว โอกาสในการขายสินค้าของเว็บไซต์ SEO ที่ถูกจัดอันดับต้น ๆ จึงสูงตาม

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้ประโยชน์มากมายแก่ผู้ที่ทำเว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ นักธุรกิจที่จะขายสินค้าและบริการผ่านอินเตอร์เน็ต จึงควรให้ความสนใจกับการทำ SEO ให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้ธุรกิจสามารถเติบโต ได้เปรียบกว่าคู่แข่งกับธุรกิจของเจ้าอื่นที่ไม่ได้พัฒนาเว็บไซต์ให้เข้าสู่ระบบนี้ และก็จะทำให้มียอดจำหน่ายที่ดีขึ้นในระยะยาวด้วย

ทำไม จึงแนะนำให้นักธุรกิจออนไลน์

ไขข้อสงสัย SEO กับ SEM เหมือน หรือต่างกันอย่างไร

การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับฮิต top 10 ในหน้าต่างการสืบค้นของ search engine เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ก็ปรารถนา เพราะทำให้ยอดตัวเลขผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างต่อเนื่องชัดเจน และนั่นก็ทำให้มีโอกาสในการขายสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นมากจนมีตัวเลขมูลค่าการขายและกำไรของบริษัทที่ทะลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

ไขข้อสงสัย-SEO-กับ-SEM-เหมือน-ต่างกันอย่างไร

โดยในปัจจุบัน มีการใช้เทคนิคทางการตลาดออนไลน์ คือ SEO และ SEM เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างมาก เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กล่าวมา ซึ่งบางท่านก็ยังมีความสงสัยอยู่ว่าคำทั้งสองนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร เราจึงได้รวบรวมคำตอบมาไว้ที่นี่แล้ว

ความหมายและความสำคัญของ SEO

SEO หรือ search engine optimization เป็นการปรับแต่งทั้งในส่วนของ on-page SEO และ off-page SEO เพื่อให้เว็บไซต์นั้น ๆ มีลักษณะที่ง่ายต่อการวิเคราะห์ โดยระบบ algorithm ของ search engine อย่าง กูเกิ้ล ยาฮู ที่คนไทยคุ้นเคยกันดี โดยประเด็นที่สำคัญ คือ การมีคีย์เวิร์ด SEO แทรกกระจายทั่วไปในเนื้อหา และในองค์ประกอบของเว็บไซต์ เช่น URL address หัวเรื่อง หรือ title ส่วน meta description (ย่อหน้าแรกที่สื่อถึงเนื้อหาโดยรวมในหน้าเพจนั้น) และส่วนสรุปส่งท้าย เป็นต้น

การทำ SEO จะทำให้ได้เว็บไซต์ที่มีคุณภาพสูง มี traffic เพิ่มจากยอดผู้ชมเว็บไซต์หน้าหลักโดยตรง และจากผู้ที่ติดตามมาจากการเชื่อมโยง link ที่เจ้าของเว็บไซต์ไปแปะ link ไว้ตามกระทู้ถามตอบหรือสังคมออนไลน์ที่อื่น ๆ (off-page SEO) แต่ต้องใช้ระยะเวลาและการอัพโหลดข้อมูลอย่างสม่ำเสมอด้วย

ความหมายและความสำคัญของ SEM

SEM หรือ search engine marketing เป็นเทคนิคการตลาดที่เจ้าของเพจหรือเว็บไซต์ ต้องจ่ายค่าโฆษณาให้แก่ search engine เป็นครั้งต่อการคลิก ( หากไม่มีการคลิก ก็ไม่ต้องจ่ายเงิน) โดย SEM จะการันตีได้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะอยู่ในอันดับ 1 – 4 ของหน้าการสืบค้นอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นพื้นที่สำหรับการโฆษณาที่กล่าวกันว่าสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำแก่ search engine ในช่วงหลายปีมานี้

ทั้งนี้เจ้าของเว็บไซต์ต้องไม่ลืมว่าครึ่งหนึ่งของการทำ SEM คือ การผลิต content ที่มีสาระประโยชน์ และมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับการสร้างบทความ SEO ทั้งยังต้องมีการพัฒนาเว็บไซต์ให้มีโครงสร้างและลิ้งก์จากภายนอกที่มีคุณค่าในการเพิ่มยอดผู้ชมด้วย หรือกล่าวได้ว่าการทำ SEM ว่าเป็นลูกผสมระหว่าง (1) paid search หรือ pay per click (PPC) ที่มีศักยภาพสูงและ (2) SEO ที่ทำให้อันดับในการค้นหาพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นการสร้างโอกาสสู่ความสำเร็จทั้งด้านยอดขาย และปริมาณ traffic ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่ฉับไวสมยุค 5G อย่างยิ่ง

ไขข้อสงสัย SEO กับ SEM เหมือน หรือต่างกัน

จะเห็นได้ว่า SEO และ SEM มีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกัน การจะเลือกประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ของคุณผ่านวิธีการใดนั้น จะต้องไตร่ตรองให้ดีถึงความคุ้มค่าในค่าใช้จ่ายและระยะเวลาการเห็นผลที่ชัดเจนด้วย

SEO ช่วยให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดได้ จริงหรือ

SEO ช่วยให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด

SEO เป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้ธุรกิจคุณรุ่งเรืองและเติบโตแบบก้าวกระโดดได้มากกว่าที่เคย เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ตอบโจทย์คนที่มุ่งมั่นไม่เคยหยุดนิ่งและมีเป้าหมายในการพัฒนาองค์กรหรือบริษัทอยู่เสมอ เหมาะกับการแข่งขันในโลกยุคไอทีหรือการตลาดออนไลน์อย่างปัจจุบัน เรียกได้ว่าให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน สำหรับคนที่พร้อมปรับตัวให้ก้าวทันความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย

ที่กล่าวเช่นนั้น เนื่องจากการทำ SEO จำเป็นต้องมีการวิจัยทางการตลาด เพื่อดูค่าสถิติในการสืบค้นใน search engine ของผู้ที่เปิดหน้าจอทั้งคอมพิวเตอร์ tablet และมือถือ smartphone ต่าง ๆ ก่อนจะทำการเลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมกับสินค้าและบริการของบริษัท ซึ่งจะทำให้เกิดการ match จับคู่ได้ตรงใจที่สุดระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ในช่วงเวลาที่สั้นที่สุด ทำให้ปิดการขายได้เป็นที่น่าพอใจทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ขายหรือบริษัทก็ได้ขาย ส่วนผู้ซื้อก็ได้สินค้าหรือบริการที่ถูกใจที่สุดด้วยความรวดเร็ว

และเนื่องจากการสืบค้นนั้นมีเครื่องมือหลากหลายไม่ว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ หรืออุปกรณ์ไอทีแบบพกพา จึงจะเป็นต้องให้ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO แนะนำการทำเว็บไซต์ทั้ง on-page และ off-page ที่มีโครงสร้างตอบโจทย์การใช้งานที่ง่ายและสวยงามโดนใจกลุ่มลูกค้าเป้าหมายด้วย เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขายและเป็นการครองใจลูกค้าให้ได้ยาวนานที่สุด

ช่วยให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดได้-จริงหรือ

การทำลิ้งค์เชื่อมต่อระหว่างเว็บไซต์พันธมิตรทางการค้า หรือระหว่างหน้าเพจต่าง ๆ นั้นก็ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของ backlink ที่ต้องอิงตาม SEO เช่นกัน (หากเป็นในอดีตช่วงสิบปีที่ผ่านมา ก็จะเน้นจำนวนลิ้งค์หรือที่เรียกว่า เชิงปริมาณ) เพื่อให้ลูกค้ามีความประทับใจในข้อมูลที่มีประโยชน์และเชื่อมโยงกัน เช่น กลุ่มเป้าหมายกำลังหาวิตามินและอาหารเสริมช่วยเสริมภูมิต้านทานร่างกายป้องกันหวัด ก็มักสืบค้นใน search engine ด้วยคำว่า “วิตามิน” “หวัด” ซึ่งหากได้เข้ามาในหน้าบทความ SEO แล้วอ่านได้ความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้เป็นหวัด (เช่น เครียด นอนน้อย ไม่ออกกำลังกาย) และได้คำแนะนำเรื่องอาหารเสริมและวิตามินต่าง ๆ ที่ช่วยบรรเทาหวัด (เช่น วิตามินซี เบต้ากลูแคน) ก็จะมีความประทับใจในบริษัทคุณ (ขายอาหารเสริมสุขภาพ) และจะยิ่งทวีความประทับใจขึ้น หากมีการเชื่อมโยงหรือแนะนำลิ้งค์อื่น ๆ เช่น วิธีออกกำลังกายง่าย ๆ ในห้านาทีเพื่อป้องกันหวัด สิบเมนูอาหารต้านหวัด ฯลฯ

จะเห็นได้ว่าการทำ SEO ไม่ใช่สิ่งที่จะทำครั้งเดียวแล้วหยุดเพื่อรอดูผลลัพธ์ แต่จำเป็นต้องหมั่นอัพเดตและติดตามเทรนด์ใหม่ ๆ ในสังคม เพื่อนำมาปรับสร้าง content SEO ที่ทรงประสิทธิภาพในการนำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจ คู่กับการศึกษาวิจัยเชิงเทคนิค เพื่อให้ “จับทาง” SEO ที่เหมาะสมกับประเภทสินค้าและบริการของธุรกิจคุณให้ได้อย่างดีที่สุด

SEO ช่วยให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดดได้ จริงหรือ